โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com )
ในช่วงที่ประชาชนกำลังติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากได้ให้ความไว้วางใจ และความคาดหวังใจอย่างท่วมท้น ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา กอปรกับเป็นเดือนแห่งความรัก
ซึ่งผมนึกถึงหลักการความรัก ที่ผมได้รับในวันแต่งงานของผม และจนบัดนี้ ยังเป็นหลักการที่ผมยึดมั่น และเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆว่าเป็นหลักการที่ทำให้ครอบครัว ที่ทำงาน และทุกคนรอบข้าง มีแต่ความรักหวานชื่น และมั่นคง และผมเห็นชัด ว่าทำให้ครอบครัวอบอุ่น และการทำงานก็ประสบความสำเร็จก้าวหน้าอย่างดี
หลักการแห่งความรัก ก็คือ “ความรักนั้น ก็อดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดี เมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดี เมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง”
ผมเชื่อว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีสุข” และความรักความสามัคคีระดับชาติ จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงเข้มแข็ง โดยเฉพาะจุดเริ่ม คือรัฐบาล ในฐานะผู้นำของชาติ เป็นแบบอย่างที่จะทำให้ความรักในชาติ เบ่งบานและมีพลัง และอยากเห็นภาพ ดังนี้ครับ
ด้วยความรักนั้น รัฐบาลก็พึงทุ่มเทด้วยความอดทนนาน และกระทำคุณให้ประชาชนและประเทศชาติ ประชาชนย่อมมองรัฐบาลที่ทุ่มทำงานเพื่อประชาชน ด้วยความรัก และไม่อิจฉา แม้บุคคลในคณะรัฐบาล จะมีฐานะร่ำรวย หากรัฐบาลได้ทำงานอย่างทุ่มเท และสุจริต โดยทุกฝ่ายย่อมยอมรับอย่างยินดี ด้วยความเชื่อ ว่าความร่ำรวย ย่อมสมควรต่อผู้ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท และสุจริต
รัฐบาลก็พึงไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเอง (และ/ หรือ พวกพ้อง) ฝ่ายเดียว เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกอบอุ่นใจ และรักรัฐบาลยาวนาน
และก็จะดียิ่ง ถ้ารัฐบาลทำงานโดยไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ต่อความเห็นที่แตกต่าง เพราะหลักการของความรักหลักหนึ่ง คือ “ไม่ชื่นชมยินดี เมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดี เมื่อประพฤติชอบ” คิดได้ ว่าหากประพฤติแต่สิ่งที่ชอบ รัฐบาลก็จะได้รับความไว้วางใจยาวนาน การบริหารงานมีความมั่นคงก้าวไกล
รัฐบาลก็พึงมีความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
โดยเฉพาะในการบริหารประเทศ เป็นผู้นำของประชาชนทั้งประเทศ เป็นผู้นำของชาวไทยกว่า 65 ล้านคน มีคนสุจริตมากมายที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบาก รัฐบาลก็พยายามดูแลด้วยความรัก เมตตา เพื่อให้ทุกคนหลุดพ้นจากปัญหาความลำบาก ด้วยความหวังอันบริสุทธิ์ใจ ที่จะทำให้ทุกคนรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว และพัฒนาศักยภาพของทุกคน อันนำไปสู่ศักยภาพอันสดใสของประเทศต่อไปในระยะยาว
เช่นกัน เราก็เชื่อว่า ด้วยความรัก รัฐบาลก็จะไม่ยินดีกับที่ประชาชนประพฤติผิด และจะชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ แต่พึงดำรงอยู่บนฐานของความรักความเมตตาในการดูแลคนไทยทุกๆ คนทั่วประเทศ
แม้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกสะใจ หากมีการตอบโต้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” รัฐบาลก็น่าจะหาโอกาสให้ความรักความเมตตา ชนะความโกรธ ความเกลียด และความแตกร้าวระหว่างคนไทยร่วมชาติ และความรักความสามัคคีของคนไทย จะนำไปสู่ความไพบูลย์ของประเทศครับ
ในช่วงที่ประชาชนกำลังติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากได้ให้ความไว้วางใจ และความคาดหวังใจอย่างท่วมท้น ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา กอปรกับเป็นเดือนแห่งความรัก
ซึ่งผมนึกถึงหลักการความรัก ที่ผมได้รับในวันแต่งงานของผม และจนบัดนี้ ยังเป็นหลักการที่ผมยึดมั่น และเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆว่าเป็นหลักการที่ทำให้ครอบครัว ที่ทำงาน และทุกคนรอบข้าง มีแต่ความรักหวานชื่น และมั่นคง และผมเห็นชัด ว่าทำให้ครอบครัวอบอุ่น และการทำงานก็ประสบความสำเร็จก้าวหน้าอย่างดี
หลักการแห่งความรัก ก็คือ “ความรักนั้น ก็อดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดี เมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดี เมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง”
ผมเชื่อว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีสุข” และความรักความสามัคคีระดับชาติ จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงเข้มแข็ง โดยเฉพาะจุดเริ่ม คือรัฐบาล ในฐานะผู้นำของชาติ เป็นแบบอย่างที่จะทำให้ความรักในชาติ เบ่งบานและมีพลัง และอยากเห็นภาพ ดังนี้ครับ
ด้วยความรักนั้น รัฐบาลก็พึงทุ่มเทด้วยความอดทนนาน และกระทำคุณให้ประชาชนและประเทศชาติ ประชาชนย่อมมองรัฐบาลที่ทุ่มทำงานเพื่อประชาชน ด้วยความรัก และไม่อิจฉา แม้บุคคลในคณะรัฐบาล จะมีฐานะร่ำรวย หากรัฐบาลได้ทำงานอย่างทุ่มเท และสุจริต โดยทุกฝ่ายย่อมยอมรับอย่างยินดี ด้วยความเชื่อ ว่าความร่ำรวย ย่อมสมควรต่อผู้ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท และสุจริต
รัฐบาลก็พึงไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเอง (และ/ หรือ พวกพ้อง) ฝ่ายเดียว เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกอบอุ่นใจ และรักรัฐบาลยาวนาน
และก็จะดียิ่ง ถ้ารัฐบาลทำงานโดยไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ต่อความเห็นที่แตกต่าง เพราะหลักการของความรักหลักหนึ่ง คือ “ไม่ชื่นชมยินดี เมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดี เมื่อประพฤติชอบ” คิดได้ ว่าหากประพฤติแต่สิ่งที่ชอบ รัฐบาลก็จะได้รับความไว้วางใจยาวนาน การบริหารงานมีความมั่นคงก้าวไกล
รัฐบาลก็พึงมีความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
โดยเฉพาะในการบริหารประเทศ เป็นผู้นำของประชาชนทั้งประเทศ เป็นผู้นำของชาวไทยกว่า 65 ล้านคน มีคนสุจริตมากมายที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบาก รัฐบาลก็พยายามดูแลด้วยความรัก เมตตา เพื่อให้ทุกคนหลุดพ้นจากปัญหาความลำบาก ด้วยความหวังอันบริสุทธิ์ใจ ที่จะทำให้ทุกคนรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว และพัฒนาศักยภาพของทุกคน อันนำไปสู่ศักยภาพอันสดใสของประเทศต่อไปในระยะยาว
เช่นกัน เราก็เชื่อว่า ด้วยความรัก รัฐบาลก็จะไม่ยินดีกับที่ประชาชนประพฤติผิด และจะชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ แต่พึงดำรงอยู่บนฐานของความรักความเมตตาในการดูแลคนไทยทุกๆ คนทั่วประเทศ
แม้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกสะใจ หากมีการตอบโต้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” รัฐบาลก็น่าจะหาโอกาสให้ความรักความเมตตา ชนะความโกรธ ความเกลียด และความแตกร้าวระหว่างคนไทยร่วมชาติ และความรักความสามัคคีของคนไทย จะนำไปสู่ความไพบูลย์ของประเทศครับ