เครือเจริญโภคภัณฑ์ครบ 84 ปี “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์”ประกาศนโยบายพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย-จีนยังก้าวไกล ผู้นำ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก-ค้าปลีก และการตลาด เกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และโทรคมนาคม ของเครือฯ โชว์ผลประกอบการ มั่นใจปีนี้ ทุกกิจการพร้อมทะยานติดลมบน
ในโอกาสครบรอบ 84 ปีเจียไต๋ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดพิธีบำเพ็ญกุศล 84 ปีเจียไต๋และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อวันอังคารที่ 18 ม.ค. เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกอบธุรกิจ
โดยทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 85 รูป เลี้ยงพระ และถวายปัจจัยไทยธรรม โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศวรวิหาร เป็นประธานในพิธีฯ ซึ่งผู้นำทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานจำนวนมาก ร่วมงานพร้อมเพรียงกัน
งานนี้ นายธนินท์ แสดงวิสัยทัศน์ และประกาศนโยบายประจำปีแก่คณะผู้บริหารและพนักงาน และเนื่องจากปีนี้ ครบรอบ 84 ปีเจียไต๋ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้นำ 3 กลุ่มธุรกิจหลักเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกการตลาดและการจัดจำหน่าย ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และธุรกิจโทรคมนาคม จึงถือโอกาสแถลงผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา พร้อมเป้าหมายดำเนินธุรกิจ เพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เจริญเติบโตมาได้ยาวนานจนถึง 84 ปี และพร้อมจะก้าวเดิน เพื่อสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจต่อไป
วิกฤตคือโอกาส
นายธนินท์กล่าวว่า แม้จะทำนายว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะไม่สดใส แต่ส่วนตัว เขาเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย เชื่อว่าทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสแห่งความสำเร็จ จึงขอให้ผู้นำทุกกลุ่มธุรกิจ และคณะผู้บริหาร พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทั้งการลงทุนในไทย และจีน
สำหรับการลงทุนในจีน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะเชื่อมั่นเศรษฐกิจจีน ว่าเติบโตได้อีกมาก แม้ปัจจุบันจะมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก ทำให้คู่แข่งมากขึ้น ทำให้บริษัทหลายแห่งที่เข้าไปลงทุนในจีน ต้องขาดทุน
แต่ส่วนเครือฯ ปี 2547 มีกำไรจากการลงทุนในจีน โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ซึ่งโลตัสเป็นหัวหอกการลงทุน ต้องแข่งกับบริษัทข้ามชาติสากล 5 แห่ง คือ วอล มาร์ท จากสหรัฐอเมริกา คาร์ฟู และโอชอง จากฝรั่งเศส เมโทร จากเยอรมนี แมคโคร จากฮอลแลนด์ และ เทสโก จากอังกฤษ
แต่โลตัสกลับได้รับความนิยม โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ได้รับความนิยมอันดับ 1 ซึ่งหมายถึงชัยชนะของโลตัส เพราะเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นสมรภูมิรบค้าปลีกที่สำคัญของจีน ปัจจุบัน โลตัสกระจายตามเมืองใหญ่ ๆ ของจีนประมาณ 44 แห่ง จะพยายามขยายกิจการโลตัสในจีนให้ได้ 86 สาขาภายในปลายปีนี้ โดยใช้กลยุทธ์เช่าที่ดินแทนซื้อเป็นกรรมสิทธิ์
ส่วนธุรกิจเกษตรในจีน ยังให้ความสำคัญธุรกิจอาหารสัตว์ และสัตว์บก ครบวงจรเช่นเดิม ปีนี้ จะขยายสู่ธุรกิจสัตว์น้ำ เนื่องจากมีตลาดรองรับ และสอดคล้องพฤติกรรมการบริโภคของคนจีน สำหรับสัตว์น้ำที่เครือฯกำลังศึกษาความเป็นไปได้ก่อนบุกตลาด คือปูขน
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาตราสินค้า (Trademark) เพื่อจะขยายตลาดทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาคุณภาพเนื้อสัตว์ ทั้งไก่ และหมู ให้มีทั้งรสอร่อย และเพื่อสุขภาพที่ดี
การประกาศนโยบายปี 2548 เป็นอีกครั้งที่นายธนินท์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อจะใช้เป็นกลไกผลักดันเครือเจริญโภคภัณฑ์ ก้าวสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ โดยประกาศให้ผู้นำกลุ่มธุรกิจ ผู้บริหาร เร่งสร้างคนรุ่นใหม่อายุน้อย โดยให้โอกาส และอำนาจผู้บริหารอายุน้อยรุ่นใหม่ รวมถึงมีวิธีติดตามผลงาน เพื่อจะให้เครือฯ มีผู้นำรุ่นใหม่รองรับการเติบโตของกิจการทั้งหมด
ผู้นำ 3 กลุ่มธุรกิจโชว์ผลประกอบการ
ผู้นำกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการตลาดและจัดจำหน่าย เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ซีพีเอฟ (CPF) และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บจก.ทีเอ ออเร้นจ์ แถลงผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา
ยังประกาศเป้าหมายดำเนินธุรกิจ ในงานครบรอบ 84 ปีเจียไต๋และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่ผู้นำกลุ่มธุรกิจหลักของเครือฯ ทั้ง 3 กลุ่ม แสดงวิสัยทัศน์พร้อมกัน
เซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งเป้า 5,000 สาขา
นายก่อศักดิ์ ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น (CP7-11) เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจคนแรกที่แถลงผลดำเนินงาน ประกาศว่า เซเว่น อีเลฟเว่น คือผลงานแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มธุรกิจฯ นี้ ปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น มีประมาณ 2,800 แห่งทั่วไทย ตั้งเป้าหมายต่อไป 5,000 แห่ง
ปี 2547 ร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ขยายสาขามากถึง 450 แห่ง ปี 2546 ขยายสาขาเพิ่มขึ้น 360 แห่ง ปี 2545 ขยายสาขาเพิ่มขึ้นจากเดิม 200 แห่ง ถือเป็นการเติบโตที่เร็วมาก ปัจจุบัน ร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นเปิดใหม่ถึงวันละ 1.5 ร้าน ซึ่งเซเว่นฯ จะรักษาอัตราการเติบโตระดับนี้ไว้ เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย 5,000 ร้านค้าในเร็วที่สุด
นายก่อศักดิ์ยังกล่าวถึงการนำบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่ฝังไมโครโปรเซสเซอร์ชิปไว้บนบัตร ใช้ในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นการพลิกโฉมร้านสะดวกซื้อ ให้สามารถรองรับทุกความต้องการผู้บริโภค โดยไม่ต้องใช้เงินสดซื้อสินค้าและบริการ บัตรสมาร์ทเพิร์ส ยังมีประโยชน์พัฒนาระบบลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ได้อีกด้วย
ส่วนการบริหารคนให้พร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจ นายก่อศักดิ์กล่าวว่าเซเว่น อีเลฟเว่น เข้าซื้อกิจการโรงเรียนกรุงเทพเทคนิคนนท์ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์เทคโนธุรกิจ เพื่อใช้เป็นสถาบันสร้างและพัฒนาบุคลากร รองรับการเติบโตของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
นายก่อศักดิ์ เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจของเครือฯ ที่ร่วมงานกับเครือฯ ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทำงานแผนกจัดซื้อ ต่อมานายธนินท์เปิดโอกาส และให้อำนาจเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ และเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพ และความโดดเด่นมาก จึงได้รับการส่งเสริม และผลักดัน ให้เติบโตจนปัจจุบันเป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจค้าปลีกการตลาดและการจัดจำหน่าย
ซีพีเอฟมั่นใจปี 2548 ดีแน่
สำหรับผู้นำกลุ่มธุรกิจคนถัดไป ที่แถลงผลดำเนินงานในงานครบรอบ 84 ปีเจียไต๋-เครือเจริญโภคภัณฑ์ คือนายอดิเรก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ซึ่งมีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลก
นายอดิเรกกล่าวว่าปีนี้ ผลประกอบการ CPF จะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ไข้หวัดนก รวมทั้งวิกฤตการณ์กุ้ง มาแล้ว เขาจึงเชื่อมั่นว่า ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มสัตว์บกและสัตว์น้ำ จะเติบโตได้ดี
เนื่องจากมีความพร้อม ทั้งด้านสายพันธุ์ การตลาด การผลิต การบริหารจัดการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจซีพีเอฟเติบโตได้อย่างที่ต้องการ
ส่วนธุรกิจอาหาร ก็พร้อมจะสร้างแบรนด์ซีพีให้แข็งแกร่ง รวมทั้งใช้ช่องทางจำหน่าย เพื่อให้อาหารภายใต้แบรนด์ซีพีประสบความสำเร็จ ทั้งในไทยและทั่วโลก ก้าวสู่การเป็นครัวของโลกได้ตามที่ประกาศวิสัยทัศน์
ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมทะยาน
นายศุภชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บจก.ทีเอ ออเร้นจ์ เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจคนสุดท้าย ที่แถลงผลประกอบการ กล่าวว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีรากฐานจากธุรกิจเกษตร ก้าวสู่ธุรกิจโทรคมนาคม เปรียบได้ดีกับคำว่า From Chick to Click
ซึ่งทรู คอร์ปอเรชั่น พยายามทำหน้าที่ดีที่สุด ที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารสมองให้ผู้บริโภค โดยปีนี้ ทรูเปรียบเหมือนเครื่องบินที่กำลังจะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า แต่ยังไม่ถึงขั้นติดลมบน อย่างไรก็ตาม หลังผ่านพ้นช่วง Turn Around ปีที่ผ่านมา ทรูมั่นใจว่าปีนี้ จะมีรายได้มากขึ้น ตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้ ทั้งส่วนทรูและทีเอออเร้นจ์ ให้ได้ 6 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ โดยทรู 5 หมื่นล้านบาท และทีเอ ออเร้นจ์ 1 หมื่นล้านบาท
ท้ายสุดของงานครบ 84 ปีเจียไต๋และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์เติบโตมาได้ถึง 84 ปี เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเครือฯ ประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองมั่นคง คือเครือฯ ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสังคมส่วนรวม
มิเช่นนั้น คงไม่สามารถอยู่มาได้อย่างยาวนานเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เป็นเพราะเครือฯ มีผู้นำที่มีความสามารถ กตัญญูรู้คุณแผ่นดิน จึงทำให้กิจการเติบโต นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ผู้บริหาร และพนักงานอย่างยิ่ง เขาเชื่อมั่นว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์จะเติบโตคู่สังคมไทยอีกยาวนาน
ในโอกาสครบรอบ 84 ปีเจียไต๋ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดพิธีบำเพ็ญกุศล 84 ปีเจียไต๋และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อวันอังคารที่ 18 ม.ค. เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกอบธุรกิจ
โดยทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 85 รูป เลี้ยงพระ และถวายปัจจัยไทยธรรม โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศวรวิหาร เป็นประธานในพิธีฯ ซึ่งผู้นำทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานจำนวนมาก ร่วมงานพร้อมเพรียงกัน
งานนี้ นายธนินท์ แสดงวิสัยทัศน์ และประกาศนโยบายประจำปีแก่คณะผู้บริหารและพนักงาน และเนื่องจากปีนี้ ครบรอบ 84 ปีเจียไต๋ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้นำ 3 กลุ่มธุรกิจหลักเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกการตลาดและการจัดจำหน่าย ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และธุรกิจโทรคมนาคม จึงถือโอกาสแถลงผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา พร้อมเป้าหมายดำเนินธุรกิจ เพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เจริญเติบโตมาได้ยาวนานจนถึง 84 ปี และพร้อมจะก้าวเดิน เพื่อสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจต่อไป
วิกฤตคือโอกาส
นายธนินท์กล่าวว่า แม้จะทำนายว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะไม่สดใส แต่ส่วนตัว เขาเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย เชื่อว่าทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสแห่งความสำเร็จ จึงขอให้ผู้นำทุกกลุ่มธุรกิจ และคณะผู้บริหาร พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทั้งการลงทุนในไทย และจีน
สำหรับการลงทุนในจีน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะเชื่อมั่นเศรษฐกิจจีน ว่าเติบโตได้อีกมาก แม้ปัจจุบันจะมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก ทำให้คู่แข่งมากขึ้น ทำให้บริษัทหลายแห่งที่เข้าไปลงทุนในจีน ต้องขาดทุน
แต่ส่วนเครือฯ ปี 2547 มีกำไรจากการลงทุนในจีน โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ซึ่งโลตัสเป็นหัวหอกการลงทุน ต้องแข่งกับบริษัทข้ามชาติสากล 5 แห่ง คือ วอล มาร์ท จากสหรัฐอเมริกา คาร์ฟู และโอชอง จากฝรั่งเศส เมโทร จากเยอรมนี แมคโคร จากฮอลแลนด์ และ เทสโก จากอังกฤษ
แต่โลตัสกลับได้รับความนิยม โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ได้รับความนิยมอันดับ 1 ซึ่งหมายถึงชัยชนะของโลตัส เพราะเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นสมรภูมิรบค้าปลีกที่สำคัญของจีน ปัจจุบัน โลตัสกระจายตามเมืองใหญ่ ๆ ของจีนประมาณ 44 แห่ง จะพยายามขยายกิจการโลตัสในจีนให้ได้ 86 สาขาภายในปลายปีนี้ โดยใช้กลยุทธ์เช่าที่ดินแทนซื้อเป็นกรรมสิทธิ์
ส่วนธุรกิจเกษตรในจีน ยังให้ความสำคัญธุรกิจอาหารสัตว์ และสัตว์บก ครบวงจรเช่นเดิม ปีนี้ จะขยายสู่ธุรกิจสัตว์น้ำ เนื่องจากมีตลาดรองรับ และสอดคล้องพฤติกรรมการบริโภคของคนจีน สำหรับสัตว์น้ำที่เครือฯกำลังศึกษาความเป็นไปได้ก่อนบุกตลาด คือปูขน
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาตราสินค้า (Trademark) เพื่อจะขยายตลาดทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาคุณภาพเนื้อสัตว์ ทั้งไก่ และหมู ให้มีทั้งรสอร่อย และเพื่อสุขภาพที่ดี
การประกาศนโยบายปี 2548 เป็นอีกครั้งที่นายธนินท์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อจะใช้เป็นกลไกผลักดันเครือเจริญโภคภัณฑ์ ก้าวสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ โดยประกาศให้ผู้นำกลุ่มธุรกิจ ผู้บริหาร เร่งสร้างคนรุ่นใหม่อายุน้อย โดยให้โอกาส และอำนาจผู้บริหารอายุน้อยรุ่นใหม่ รวมถึงมีวิธีติดตามผลงาน เพื่อจะให้เครือฯ มีผู้นำรุ่นใหม่รองรับการเติบโตของกิจการทั้งหมด
ผู้นำ 3 กลุ่มธุรกิจโชว์ผลประกอบการ
ผู้นำกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการตลาดและจัดจำหน่าย เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ซีพีเอฟ (CPF) และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บจก.ทีเอ ออเร้นจ์ แถลงผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา
ยังประกาศเป้าหมายดำเนินธุรกิจ ในงานครบรอบ 84 ปีเจียไต๋และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่ผู้นำกลุ่มธุรกิจหลักของเครือฯ ทั้ง 3 กลุ่ม แสดงวิสัยทัศน์พร้อมกัน
เซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งเป้า 5,000 สาขา
นายก่อศักดิ์ ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น (CP7-11) เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจคนแรกที่แถลงผลดำเนินงาน ประกาศว่า เซเว่น อีเลฟเว่น คือผลงานแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มธุรกิจฯ นี้ ปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น มีประมาณ 2,800 แห่งทั่วไทย ตั้งเป้าหมายต่อไป 5,000 แห่ง
ปี 2547 ร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ขยายสาขามากถึง 450 แห่ง ปี 2546 ขยายสาขาเพิ่มขึ้น 360 แห่ง ปี 2545 ขยายสาขาเพิ่มขึ้นจากเดิม 200 แห่ง ถือเป็นการเติบโตที่เร็วมาก ปัจจุบัน ร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นเปิดใหม่ถึงวันละ 1.5 ร้าน ซึ่งเซเว่นฯ จะรักษาอัตราการเติบโตระดับนี้ไว้ เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย 5,000 ร้านค้าในเร็วที่สุด
นายก่อศักดิ์ยังกล่าวถึงการนำบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่ฝังไมโครโปรเซสเซอร์ชิปไว้บนบัตร ใช้ในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นการพลิกโฉมร้านสะดวกซื้อ ให้สามารถรองรับทุกความต้องการผู้บริโภค โดยไม่ต้องใช้เงินสดซื้อสินค้าและบริการ บัตรสมาร์ทเพิร์ส ยังมีประโยชน์พัฒนาระบบลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ได้อีกด้วย
ส่วนการบริหารคนให้พร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจ นายก่อศักดิ์กล่าวว่าเซเว่น อีเลฟเว่น เข้าซื้อกิจการโรงเรียนกรุงเทพเทคนิคนนท์ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์เทคโนธุรกิจ เพื่อใช้เป็นสถาบันสร้างและพัฒนาบุคลากร รองรับการเติบโตของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
นายก่อศักดิ์ เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจของเครือฯ ที่ร่วมงานกับเครือฯ ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทำงานแผนกจัดซื้อ ต่อมานายธนินท์เปิดโอกาส และให้อำนาจเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ และเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพ และความโดดเด่นมาก จึงได้รับการส่งเสริม และผลักดัน ให้เติบโตจนปัจจุบันเป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจค้าปลีกการตลาดและการจัดจำหน่าย
ซีพีเอฟมั่นใจปี 2548 ดีแน่
สำหรับผู้นำกลุ่มธุรกิจคนถัดไป ที่แถลงผลดำเนินงานในงานครบรอบ 84 ปีเจียไต๋-เครือเจริญโภคภัณฑ์ คือนายอดิเรก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ซึ่งมีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลก
นายอดิเรกกล่าวว่าปีนี้ ผลประกอบการ CPF จะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ไข้หวัดนก รวมทั้งวิกฤตการณ์กุ้ง มาแล้ว เขาจึงเชื่อมั่นว่า ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มสัตว์บกและสัตว์น้ำ จะเติบโตได้ดี
เนื่องจากมีความพร้อม ทั้งด้านสายพันธุ์ การตลาด การผลิต การบริหารจัดการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจซีพีเอฟเติบโตได้อย่างที่ต้องการ
ส่วนธุรกิจอาหาร ก็พร้อมจะสร้างแบรนด์ซีพีให้แข็งแกร่ง รวมทั้งใช้ช่องทางจำหน่าย เพื่อให้อาหารภายใต้แบรนด์ซีพีประสบความสำเร็จ ทั้งในไทยและทั่วโลก ก้าวสู่การเป็นครัวของโลกได้ตามที่ประกาศวิสัยทัศน์
ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมทะยาน
นายศุภชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บจก.ทีเอ ออเร้นจ์ เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจคนสุดท้าย ที่แถลงผลประกอบการ กล่าวว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีรากฐานจากธุรกิจเกษตร ก้าวสู่ธุรกิจโทรคมนาคม เปรียบได้ดีกับคำว่า From Chick to Click
ซึ่งทรู คอร์ปอเรชั่น พยายามทำหน้าที่ดีที่สุด ที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารสมองให้ผู้บริโภค โดยปีนี้ ทรูเปรียบเหมือนเครื่องบินที่กำลังจะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า แต่ยังไม่ถึงขั้นติดลมบน อย่างไรก็ตาม หลังผ่านพ้นช่วง Turn Around ปีที่ผ่านมา ทรูมั่นใจว่าปีนี้ จะมีรายได้มากขึ้น ตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้ ทั้งส่วนทรูและทีเอออเร้นจ์ ให้ได้ 6 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ โดยทรู 5 หมื่นล้านบาท และทีเอ ออเร้นจ์ 1 หมื่นล้านบาท
ท้ายสุดของงานครบ 84 ปีเจียไต๋และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์เติบโตมาได้ถึง 84 ปี เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเครือฯ ประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองมั่นคง คือเครือฯ ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสังคมส่วนรวม
มิเช่นนั้น คงไม่สามารถอยู่มาได้อย่างยาวนานเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เป็นเพราะเครือฯ มีผู้นำที่มีความสามารถ กตัญญูรู้คุณแผ่นดิน จึงทำให้กิจการเติบโต นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ผู้บริหาร และพนักงานอย่างยิ่ง เขาเชื่อมั่นว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์จะเติบโตคู่สังคมไทยอีกยาวนาน