จับตากลุ่มทุนใน-นอกประเทศ สนใจเข้าซื้อกิจการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย เหตุภาวะตลาดหุ้นไทยซบเซาต่อเนื่อง ทำให้ราคาหุ้นถูก ระบุธุรกิจอาหาร-อะไหล่รถยนต์-ธุรกิจบริการ หลายบริษัทที่ราคาหุ้นในกระดานต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี
แหล่งข่าววาณิชธนกิจเปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มทุนจากในประเทศ และต่างประเทศ ติดต่อให้ช่วยหาซื้อกิจการบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ในลักษณะร่วมทุน
บางกรณี อาจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อเข้ามาบริหารเอง เนื่องจากกลุ่มทุนดังกล่าว พิจารณาเห็นว่าปัจจุบัน ภาวะตลาดหุ้นไทยซบเซาต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงทำให้ราคาหุ้นที่จะซื้อถูกลง ประกอบกับสภาพคล่องในระบบตลาดเงินไทยที่มีอยู่มาก
"ปัจจุบันนี้ มีหุ้นหลายบริษัทที่ราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลดลงมาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี ดังนั้น จึงสามารถใช้เงินซื้อสินทรัพย์ของบริษัททั้งหมดในจำนวนเงินที่ไม่มากนัก โดยกลุ่มทุนที่จะซื้อกิจการ จะมีการกำหนดกรอบ ว่าจะสนใจซื้อบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมประเภทใด มีขนาดระดับใด และมีเงินทุนที่จะซื้อจำนวนเท่าใด ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ก็จะเสาะหาบริษัทดังกล่าว ตามกรอบที่กำหนดไว้" แหล่งข่าวกล่าว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจ จะได้แก่ ธุรกิจอาหาร อะไหล่รถยนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวซื้อกิจการปีหน้า ได้แก่ ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมปีหน้า ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าภาวะตลาดหุ้นไทยยังซบเซาต่อเนื่องจากปีนี้ และราคาหุ้นปรับตัวลดลง คงจะทำให้การซื้อกิจการ บจ. ไทย มีโอกาสเกิดมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าภาวะตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดี จะทำให้การซื้ออาจมีโอกาสเกิดได้น้อยลง
ดังนั้น จึงขึ้นกับภาวะตลาดหุ้นไทยโดยรวมปีหน้า ว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา การเจรจาตกลงเพื่อจะซื้อกิจการหลาย ๆ กรณี ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เนื่องจากฝ่ายเจ้าของบริษัท หรือฝ่ายผู้ขาย อาจไม่ต้องการจะขายราคาต่ำๆ
หรือบางกรณี เจ้าของจะมีเงื่อนไขการขาย เช่น ไม่ให้ผู้ซื้อเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินบริษัท จึงทำให้ผู้ซื้อไม่กล้าจะเข้าไปซื้อ เพราะไม่แน่ใจว่า บริษัทที่จะเข้าไปซื้อกิจการนั้น มีปัญหาด้านหนี้สินหรือไม่
สำหรับกรณีที่มีการตกลงซื้อขายกันได้ ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนภายในประเทศมากกว่ากลุ่มทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มทุนจากต่างประเทศ กว่าจะเข้ามาลงทุน จะต้องศึกษาข้อมูล ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
เพราะทุนจากต่างประเทศ จะรู้ข้อมูลบริษัทในประเทศไทยน้อยกว่ากลุ่มทุน
ในประเทศ
แหล่งข่าว บล. ทยพาณิชย์ ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่าปีหน้า บริษัทรับเป็นที่ปรึกษาการเงิน การควบรวมกิจการบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ไทย
นอกจากนี้ มีอีกดีลที่กำลังพิจารณาว่า จะควบรวมกิจการหรือไม่ ปีหน้า เขาเชื่อว่าจะเห็นการควบรวมกิจการกันจำนวนมาก เพราะทิศทางการแข่งขันธุรกิจ จะเข้าสู่ระดับประเทศ
โดยเฉพาะจะมีการเซ็นสัญญาเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศ (FTA-Free Trade Areas) ระหว่างไทยกับหลายประเทศ ทำให้บริษัทต่างๆ นอกจากต้องปรับตัวแข่งกันภายในประเทศ ยังต้องแข่งกับต่างประเทศด้วย
ดังนั้น การทำธุรกิจต้องมีขนาดใหญ่ ปีหน้าคาดจะเห็นการควบรวมกิจการแบบ
บริษัทขนาดเล็ก จะควบรวมกันเอง เพื่อให้มีศักยภาพแข่งขันได้ อีกพวก จะเป็นการเปิดทางให้ต่างประเทศเข้ามาเทกโอเวอร์ เพื่อได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย
แหล่งข่าววาณิชธนกิจเปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มทุนจากในประเทศ และต่างประเทศ ติดต่อให้ช่วยหาซื้อกิจการบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ในลักษณะร่วมทุน
บางกรณี อาจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อเข้ามาบริหารเอง เนื่องจากกลุ่มทุนดังกล่าว พิจารณาเห็นว่าปัจจุบัน ภาวะตลาดหุ้นไทยซบเซาต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงทำให้ราคาหุ้นที่จะซื้อถูกลง ประกอบกับสภาพคล่องในระบบตลาดเงินไทยที่มีอยู่มาก
"ปัจจุบันนี้ มีหุ้นหลายบริษัทที่ราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลดลงมาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี ดังนั้น จึงสามารถใช้เงินซื้อสินทรัพย์ของบริษัททั้งหมดในจำนวนเงินที่ไม่มากนัก โดยกลุ่มทุนที่จะซื้อกิจการ จะมีการกำหนดกรอบ ว่าจะสนใจซื้อบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมประเภทใด มีขนาดระดับใด และมีเงินทุนที่จะซื้อจำนวนเท่าใด ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ก็จะเสาะหาบริษัทดังกล่าว ตามกรอบที่กำหนดไว้" แหล่งข่าวกล่าว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจ จะได้แก่ ธุรกิจอาหาร อะไหล่รถยนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวซื้อกิจการปีหน้า ได้แก่ ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมปีหน้า ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าภาวะตลาดหุ้นไทยยังซบเซาต่อเนื่องจากปีนี้ และราคาหุ้นปรับตัวลดลง คงจะทำให้การซื้อกิจการ บจ. ไทย มีโอกาสเกิดมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าภาวะตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดี จะทำให้การซื้ออาจมีโอกาสเกิดได้น้อยลง
ดังนั้น จึงขึ้นกับภาวะตลาดหุ้นไทยโดยรวมปีหน้า ว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา การเจรจาตกลงเพื่อจะซื้อกิจการหลาย ๆ กรณี ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เนื่องจากฝ่ายเจ้าของบริษัท หรือฝ่ายผู้ขาย อาจไม่ต้องการจะขายราคาต่ำๆ
หรือบางกรณี เจ้าของจะมีเงื่อนไขการขาย เช่น ไม่ให้ผู้ซื้อเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินบริษัท จึงทำให้ผู้ซื้อไม่กล้าจะเข้าไปซื้อ เพราะไม่แน่ใจว่า บริษัทที่จะเข้าไปซื้อกิจการนั้น มีปัญหาด้านหนี้สินหรือไม่
สำหรับกรณีที่มีการตกลงซื้อขายกันได้ ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนภายในประเทศมากกว่ากลุ่มทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มทุนจากต่างประเทศ กว่าจะเข้ามาลงทุน จะต้องศึกษาข้อมูล ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
เพราะทุนจากต่างประเทศ จะรู้ข้อมูลบริษัทในประเทศไทยน้อยกว่ากลุ่มทุน
ในประเทศ
แหล่งข่าว บล. ทยพาณิชย์ ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่าปีหน้า บริษัทรับเป็นที่ปรึกษาการเงิน การควบรวมกิจการบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ไทย
นอกจากนี้ มีอีกดีลที่กำลังพิจารณาว่า จะควบรวมกิจการหรือไม่ ปีหน้า เขาเชื่อว่าจะเห็นการควบรวมกิจการกันจำนวนมาก เพราะทิศทางการแข่งขันธุรกิจ จะเข้าสู่ระดับประเทศ
โดยเฉพาะจะมีการเซ็นสัญญาเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศ (FTA-Free Trade Areas) ระหว่างไทยกับหลายประเทศ ทำให้บริษัทต่างๆ นอกจากต้องปรับตัวแข่งกันภายในประเทศ ยังต้องแข่งกับต่างประเทศด้วย
ดังนั้น การทำธุรกิจต้องมีขนาดใหญ่ ปีหน้าคาดจะเห็นการควบรวมกิจการแบบ
บริษัทขนาดเล็ก จะควบรวมกันเอง เพื่อให้มีศักยภาพแข่งขันได้ อีกพวก จะเป็นการเปิดทางให้ต่างประเทศเข้ามาเทกโอเวอร์ เพื่อได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย