เอเอฟพี – แบงก์ชาติโสมขาวลดเป้าหมายการเติบโตปีนี้และปีหน้า ชี้ปัญหามาจากความซบเซาในภาคส่งออกและดีมานด์ภายใน โดยที่ยังไม่เห็นแววฟื้นตัวจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2005 อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางยังยืนกรานทานกระแสกดดันให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
วานนี้ (9) ธนาคารกลางแห่งเกาหลีทบทวนตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2004 อยู่ที่ 4.7% และ 4% สำหรับปี 2005 จากตัวเลขคาดการณ์เดิม 5.2% และ 5% หรือมากกว่าตามลำดับ
เกาหลีใต้ ประเทศเศรษฐกิจอันดับที่ 11 ของโลก กำลังถูกคุกคามจากความซบเซาของดีมานด์ภายใน รวมถึงภาวะน้ำมันแพง และปัญหาตกค้างจากภาวะฟองสบู่ในตลาดบัตรเครดิตแตกเมื่อต้นปีที่แล้ว มิหนำซ้ำ การส่งออก ซึ่งเป็นหัวจักรขับดันการเติบโต ก็ชะลอตัวลงเช่นกัน
ปัจจัยลบต่อการเติบโตยังรวมถึงการชะลอตัวของการลงทุนในภาคก่อสร้างและภาคการผลิต
อนึ่ง วันเดียวกันนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดความรู้สึกของผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ลดลงอยู่ที่ 86.6% ในเดือนพฤศจิกายน จาก 8.8% ในเดือนตุลาคม
ปักเซ็ง ผู้ว่าการแบงก์ชาติแดนอารีดัง คาดว่าการฟื้นตัวอย่างชัดเจนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อครึ่งหลังของปีหน้าเท่านั้น โดยอ้างอิงภาวะการชะลอคัวในภาคส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ
ธนาคารกลางยังแถลงอีกว่า อัตราเติบโตในไตรมาส 4 อาจลดลงเหลือเพียง 3.5% เทียบกับ 4.6% ในไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับปีหน้า คาดว่าจีดีพีครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 3.4% และ 4.4% ในช่วง 6 เดือนหลัง
แม้ถูกกดดันให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโต แต่วานนี้ แบงก์ชาติกลับตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยประจำเดือนธันวาคมไว้ที่ 3.25% หลังจากปรับลดลง 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยปักอธิบายว่า ต้องการรอดูว่า มาตรการลดดอกเบี้ยจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจ
ผู้ว่าการแบงก์ชาติสำทับว่า ปัญหาใหญ่ที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังเผชิญไม่ใช่อัตราเติบโตตกต่ำ แต่เป็นที่คุณภาพของการเติบโต กล่าวคือแม้เศรษฐกิจขยายตัวแต่กลับไม่สามารถทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นได้ โดยธนาคารกลางคาดว่า อัตราว่างงานในปีหน้าจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3.6% จาก 3.5% ในปีปัจจุบัน
วานนี้ (9) ธนาคารกลางแห่งเกาหลีทบทวนตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2004 อยู่ที่ 4.7% และ 4% สำหรับปี 2005 จากตัวเลขคาดการณ์เดิม 5.2% และ 5% หรือมากกว่าตามลำดับ
เกาหลีใต้ ประเทศเศรษฐกิจอันดับที่ 11 ของโลก กำลังถูกคุกคามจากความซบเซาของดีมานด์ภายใน รวมถึงภาวะน้ำมันแพง และปัญหาตกค้างจากภาวะฟองสบู่ในตลาดบัตรเครดิตแตกเมื่อต้นปีที่แล้ว มิหนำซ้ำ การส่งออก ซึ่งเป็นหัวจักรขับดันการเติบโต ก็ชะลอตัวลงเช่นกัน
ปัจจัยลบต่อการเติบโตยังรวมถึงการชะลอตัวของการลงทุนในภาคก่อสร้างและภาคการผลิต
อนึ่ง วันเดียวกันนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดความรู้สึกของผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ลดลงอยู่ที่ 86.6% ในเดือนพฤศจิกายน จาก 8.8% ในเดือนตุลาคม
ปักเซ็ง ผู้ว่าการแบงก์ชาติแดนอารีดัง คาดว่าการฟื้นตัวอย่างชัดเจนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อครึ่งหลังของปีหน้าเท่านั้น โดยอ้างอิงภาวะการชะลอคัวในภาคส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ
ธนาคารกลางยังแถลงอีกว่า อัตราเติบโตในไตรมาส 4 อาจลดลงเหลือเพียง 3.5% เทียบกับ 4.6% ในไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับปีหน้า คาดว่าจีดีพีครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 3.4% และ 4.4% ในช่วง 6 เดือนหลัง
แม้ถูกกดดันให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโต แต่วานนี้ แบงก์ชาติกลับตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยประจำเดือนธันวาคมไว้ที่ 3.25% หลังจากปรับลดลง 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยปักอธิบายว่า ต้องการรอดูว่า มาตรการลดดอกเบี้ยจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจ
ผู้ว่าการแบงก์ชาติสำทับว่า ปัญหาใหญ่ที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังเผชิญไม่ใช่อัตราเติบโตตกต่ำ แต่เป็นที่คุณภาพของการเติบโต กล่าวคือแม้เศรษฐกิจขยายตัวแต่กลับไม่สามารถทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นได้ โดยธนาคารกลางคาดว่า อัตราว่างงานในปีหน้าจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3.6% จาก 3.5% ในปีปัจจุบัน