เอเอฟพี – แอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดของประเทศมาเลเซีย ตอบรับข้อเสนอทำงานร่วมกันกับมาเลเซียแอร์ไลน์ สายการบินแห่งชาติ(เอ็มเอเอส) เพื่อยุติข้อขัดแย้งที่มีมาหลายเดือน เมื่อวานนี้(11)
ก่อนหน้านี้ ทางแอร์เอเชียซึ่งเป็นผู้บุกเบิกสายการบินราคาประหยัดในภูมิภาคนี้ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แผนการของเอ็มเอเอสที่จะเปิดเที่ยวบินราคาประหยัดร่วมกับสายการบินในภูมิภาครายอื่น เนื่องจากทางแอร์เอเชียต้องการให้มีการทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางการบินราคาประหยัดในภูมิภาค
ทั้งนี้ ชานกองชอย รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เคยออกมาขอร้องให้ทางเอ็มเอเอสหันมาร่วมมือกับแอร์เอเชียแทนที่จะดำเนินการตามแผนดังกล่าว
ล่าสุด เอ็มเอเอสเพิ่งเสนอร่วมมือกับแอร์เอเชียในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมูนีร์ มาจิด ประธานกรรมการของเอ็มเอเอสยอมรับว่า สายการบินราคาประหยัดมีความแตกต่างจากการให้บริการเต็มรูปแบบของเอ็มเอเอส ดังนั้น แม้เอ็มเอเอสเปิดเที่ยวบินราคาประหยัดของตัวเอง แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจด้านนี้ มาจิดยังกล่าวอีกว่า เอ็มเอเอสได้จัดศูนย์ฝึกอบรมแก่นักบินของแอร์เอเชีย รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุง
ทางด้านโทนี เฟอร์นานเดส ประธานบริหารของแอร์เอเชีย ให้สัมภาษณ์กับนิวส์ สเตรท ไทมส์วานนี้ว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับแถลงการณ์ของเอ็มเอเอส และเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าจะต้องประสบความสำเร็จ เราต้องร่วมมือกัน แล้วเราจะได้รับชัยชนะทั้งสองฝ่าย และเหนือสิ่งอื่นใด ผลประโยชน์จะต้องตกแก่มาเลเซีย”
อย่างไรก็ตาม เอ็มเอเอสยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของแอร์เอเชีย ที่จะเปลี่ยนอาคารผู้โดยสารเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วในสนามบินซูบัง เป็นศูนย์กลางการบินราคาประหยัด โดยมาจิดให้เหตุผลว่า “หากทำอย่างนั้น ความฝันที่จะพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ให้กลายเป็นศูนย์กลางการบินคงสูญสลาย”
อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียเริ่มต้นธุรกิจในปี 2001 ด้วยเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737-300 เพียง 2 ลำใช้บินภายในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน แอร์เอเชียมีจุดหมายปลายทางถึง 30 แห่งทั้งในมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย รวมไปถึงมาเก๊า และวางแผนที่จะบินไปถึงจีนปลายปีนี้
ในปี 2005 ยังวางแผนที่จะรองรับผู้โดยสารให้ได้ราว 7.5 ล้านคน และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินเป็น 26 ลำในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่ 18 ลำ และจะเพิ่มอีก 80 ลำในอีก 4-8 ปีข้างหน้า
ไม่นานมานี้ สายการบินราคาประหยัดดังกล่าวได้รับการอนุมัติการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนหุ้นถึง 700.51 ล้านหุ้น ซึ่งคาดกันว่าจะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศในปีนี้
ก่อนหน้านี้ ทางแอร์เอเชียซึ่งเป็นผู้บุกเบิกสายการบินราคาประหยัดในภูมิภาคนี้ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แผนการของเอ็มเอเอสที่จะเปิดเที่ยวบินราคาประหยัดร่วมกับสายการบินในภูมิภาครายอื่น เนื่องจากทางแอร์เอเชียต้องการให้มีการทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางการบินราคาประหยัดในภูมิภาค
ทั้งนี้ ชานกองชอย รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เคยออกมาขอร้องให้ทางเอ็มเอเอสหันมาร่วมมือกับแอร์เอเชียแทนที่จะดำเนินการตามแผนดังกล่าว
ล่าสุด เอ็มเอเอสเพิ่งเสนอร่วมมือกับแอร์เอเชียในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมูนีร์ มาจิด ประธานกรรมการของเอ็มเอเอสยอมรับว่า สายการบินราคาประหยัดมีความแตกต่างจากการให้บริการเต็มรูปแบบของเอ็มเอเอส ดังนั้น แม้เอ็มเอเอสเปิดเที่ยวบินราคาประหยัดของตัวเอง แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจด้านนี้ มาจิดยังกล่าวอีกว่า เอ็มเอเอสได้จัดศูนย์ฝึกอบรมแก่นักบินของแอร์เอเชีย รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุง
ทางด้านโทนี เฟอร์นานเดส ประธานบริหารของแอร์เอเชีย ให้สัมภาษณ์กับนิวส์ สเตรท ไทมส์วานนี้ว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับแถลงการณ์ของเอ็มเอเอส และเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าจะต้องประสบความสำเร็จ เราต้องร่วมมือกัน แล้วเราจะได้รับชัยชนะทั้งสองฝ่าย และเหนือสิ่งอื่นใด ผลประโยชน์จะต้องตกแก่มาเลเซีย”
อย่างไรก็ตาม เอ็มเอเอสยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของแอร์เอเชีย ที่จะเปลี่ยนอาคารผู้โดยสารเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วในสนามบินซูบัง เป็นศูนย์กลางการบินราคาประหยัด โดยมาจิดให้เหตุผลว่า “หากทำอย่างนั้น ความฝันที่จะพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ให้กลายเป็นศูนย์กลางการบินคงสูญสลาย”
อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียเริ่มต้นธุรกิจในปี 2001 ด้วยเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737-300 เพียง 2 ลำใช้บินภายในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน แอร์เอเชียมีจุดหมายปลายทางถึง 30 แห่งทั้งในมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย รวมไปถึงมาเก๊า และวางแผนที่จะบินไปถึงจีนปลายปีนี้
ในปี 2005 ยังวางแผนที่จะรองรับผู้โดยสารให้ได้ราว 7.5 ล้านคน และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินเป็น 26 ลำในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่ 18 ลำ และจะเพิ่มอีก 80 ลำในอีก 4-8 ปีข้างหน้า
ไม่นานมานี้ สายการบินราคาประหยัดดังกล่าวได้รับการอนุมัติการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนหุ้นถึง 700.51 ล้านหุ้น ซึ่งคาดกันว่าจะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศในปีนี้