xs
xsm
sm
md
lg

เป้าหมาย"แฟมมิลี่ โนฮาว"ลดการพึ่งพาตลท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หากเอ่ยชื่อบริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว จำกัด ในขณะนี้หลายคนเริ่มคุ้นหูกันบ้างแล้ว หลังจากที่แฟมมิลี่ โนฮาว ในฐานะบริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมในเชิงให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทอง ๆ กิจกรรมที่จัดว่าเป็นกิจกรรมโดดเด่น หนีไม่พ้นละครเวทีหมูอู๊ดอี๊ดกับกระปุกกายสิทธิ์ ที่แฝงความรู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไปกับความประทับใจในความน่ารักของตัวละคร โครงการ MMA 2004 (Money Management Award) ที่เป็นกิจกรรมการแข่งขันเกี่ยวกับการบริหารเงิน ก็ได้รับความสนใจจากเยาวชนไม่น้อย
ในขณะที่รายการก้าวทันตลาดทุน ที่ออกอากาศทางช่อง 9 ก็เรียกได้ว่าไม่มีนักลงทุนคนใดไม่เคยผ่านตา "ผู้จัดการรายวัน"ได้สัมภาษณ์พิเศษ "วิเชฐ ตันติวานิช" กรรมการผู้จัดการ หัวเรือใหญ่ของ แฟมมิลี่ โนฮาว ตอบทุกเรื่องราวและกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ความรู้ล้วน ๆ และยังต้องเรียกว่าทำแล้วขาดทุนต่อไป

* การจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส แฟมมิลี่ โนฮาวจะเข้าไปมีบทบาทอย่างไรบ้าง
ในส่วนของงานไทยแลนด์ โฟกัส ที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.ย.นี้ เราในฐานะของบริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์ ก็จะมีบทบาทในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ แต่คงจะไม่ใช่เมนหลัก เป็นในลักษณะของการเข้ามาเป็นตัวประสานงานระหว่างตลาดหลักทรัพย์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่น
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีการประชุมเรื่องการจัดงาน เราก็เข้าไปประชุมด้วย เพราะนโยบายของตลาดคือผู้บริหารของบริษัทในเครือจะเข้าร่วมประชุมในงานสำคัญๆ เพื่อที่ว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตัวเองก็จะได้รับไปทำได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่งมาหลายทอด เข้าประชุมพร้อมกันแล้วก็นำไปบูรณาการได้เลย
นอกเหนือจากการประสานงานแล้ว แฟมมิลี่ โนฮาวเองมีรายการประจำที่ออกทางช่อง 9 อยู่แล้ว ดังนั้นอาจจะช่วยในการประชาสัมพันธ์ได้ คือมีอะไรที่สามารถนำมาพูดก่อน หรือปูพื้นให้นักลงทุนก่อนเป็นการทำในนามของตลาดหลักทรัพย์
ส่วนการประชุมเรื่องการจัดงาน หลังจากประชุมครั้งแรกไปแล้ว ก็มีการกำหนดให้แต่ละหน่วยงานไปทำการบ้านมา จากนั้นอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะมาคุยกันอีกทีเพื่อหาข้อสรุป

* โปรเจคอื่นที่นอกเหนือจากงานประจำต่อไปเป็นอะไร
ตอนนี้กำลังเตรียมทำละครทีวี ซึ่งอยู่ระหว่างการถ่ายทำตัวอย่างเพื่อนำไปเสนอต่อสถานีโทรทัศน์ คิดว่าคงเริ่มฉายจริงได้ในปีหน้า โดยเป็นละครในแนวซิทคอม ที่กำลังเป็นที่นิยม แต่เนื้อหาจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆ ที่ใกล้ตัวประชาชนใส่เข้าไป เพื่อให้คนดูได้ฉุกคิดอะไรบางอย่างที่อาจเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราแต่เราไม่เคยสนใจ อย่างเช่น การคิดดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ที่ในละครอาจจะมีตัวละครเป็นพ่อมาดูบิลบัตรเครดิตของลูก ปรากฎว่ามียอดต้องชำระสูงมาก ลูกก็บอกว่าหนูไม่ได้ใช้เงินขนาดนี้ ก็มีการนำมาคิดคำนวณกัน ปรากฎว่าบริษัทบัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยสูงถึง 20% ซึ่งคนดูอาจจะต้องกลับไปดูว่าแล้วของเราล่ะเป็นอย่างไร อย่างนี้เป็นต้น
แต่ละครที่จะทำนี้ จะมีส่วนของบันเทิง 75% และเนื้อหาแค่ 25% เพราะเราต้องการออกอากาศในช่องที่มีคนดูเยอะอย่างช่อง 7 หรือช่อง 3 ซึ่งจัดเป็นทีวีที่เน้นบันเทิง และอาจจะต้องดึงดูดคนดูด้วยการใช้ดาราที่เป็นที่รู้จักก่อน อย่างตอนนี้ก็มีวางตัวไว้แล้ว คือ"ตุ๊กตา-อินทิรา แดงจำรูญ" ที่จะเป็นพี่นางเอก นอกจากนั้นยังมีคนที่เป็นที่รู้จักกันในการแข่งขันที่รู้จักกันคือ แฟนตาเซีย

* โปคเจคนี้น่าจะใช้เงินลงทุนเยอะ
แน่นอน เพราะแค่ในปีนี้ที่เริ่มถ่ายทำตัวอย่างก็ใช้ไปแล้ว 10 กว่าล้านบาท ซึ่งตามโปรเจคจะมีมากกว่า 20 ตอน ค่าใช้จ่ายแต่ละตอนก็ตกตอนละ 3-4 แสนบาท ยังไม่รวมค่าออกอากาศ ดังนั้นยังต้องใช้เงินอีกเยอะ ซึ่งบอร์ดก็อนุมัติแล้ว

* การใช้เงินของเราทำให้บอร์ดตลาดเกิดคำถามหรือไม่
ก็มีถามว่าใช้เงินเยอะแล้วจะมีรีเทิร์นมั้ย เราก็อธิบายว่าโดยทั่วไปแล้วการทำละครจะได้รีเทิร์นประมาณ 2 เท่าของเงินลงทุน หรือเกือบ 200% ถ้าประสบความสำเร็จนะ
แต่การถามของบอร์ดทุกครั้งก็แสดงถึงความเข้าใจว่าตลาดจะต้องให้เงินอุดหนุนและเป็นสปอนเซอร์ให้เราไปก่อนในช่วงแรก เหมือนกับทุกๆกิจกรรมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นเมื่อกิจกรรมติดตลาดแล้ว คนรู้จักแล้ว หรือว่าประสบความสำเร็จก็จะมีคนอื่นมาร่วมจอย อย่างเช่นในส่วนของหมูอู๊ดอี๊ด ที่ตอนนี้มีสยามกีฬาที่เข้ามาร่วมจอยกับเรา และจะมีการทำให้เป็นโครงการที่ใหญ่กว่าเดิม ตลาดก็อาจจะไม่ต้องมาซัพพอร์ตในส่วนนี้แล้ว แต่ในกิจกรรมอื่นๆก็ต้องสนับสนุนเงินให้ก่อนจนเริ่มเป็นที่ยอมรับ

* ในด้านผลการดำเนินงานของเราเป็นอย่างไรบ้าง
ยังขาดทุนอยู่ ปี 46 ที่ผ่านมาขาดทุนประมาณ 30 ล้านบาท แต่ก็ไม่กินทุนที่ตอนนี้มีอยู่ 50 ล้านบาท เพราะตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นบริษัทแม่จ่ายเงินอุดหนุนให้

* ส่วนใหญ่ตัวเลขขาดทุนของเรามาจากอะไร
ถ้าหากคิดแค่รายได้ลบกับรายจ่ายคือค่าผลิต เป็นกรอส โพรฟิต เราก็ยังมีกำไร แต่เมื่อหักด้วยค่าการบริหารแล้วตัวเลขกลายเป็นขาดทุน เพราะกำไรที่ได้ไม่เพียงพอต่อการจ้างคนที่จะมาบริหาร

* แนวโน้มปีนี้จะยังขาดทุนอีกหรือไม่
คิดว่ายังคงขาดทุนอยู่ และจะขาดทุนมากขึ้นด้วย เพราะว่าเรามีโปรเจคเยอะกว่าปีก่อนมาก เมื่องานมากขึ้น รายจ่ายก็ต้องมากตามไปด้วย ซึ่งต้องเข้าใจว่างานการให้ความรู้จะต้องลงเงินไปก่อน

* คิดว่าเมื่อไหร่จะเริ่มทำกำไรได้
แฟมมิลี่ โนฮาว เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร แต่เราก็ต้องสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง บอร์ดตลาดมีมติให้เวลา 3 ปี ในการให้เงินอุดหนุน จากนั้นก็จะมีการพิจารณาอีกทีว่าจะอุดหนุนต่อหรือไม่ ซึ่งโดยตัวเราเองแล้ว ก็มีเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาจากตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องมีการทำอะไรเพื่อต้องการกำไรบ้างแต่ก็ไม่ได้ต้องการมาก อย่างเช่นการทำละครหากประสบความสำเร็จก็น่าจะมีกำไร หรืออย่างน้อยก็เท่าทุน แล้วเรายังมีโครงการที่จะทำเป็นละครเรื่องยาว ซึ่งจะสามารถหาสปอนเซอร์ได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่โบรกเกอร์ แต่ได้หมดทั้งสบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบันเทิง
ที่จริงหากคิดว่าเราเป็นแผนกหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ต้องหารายได้ก็ได้ ใช้จ่ายอย่างเดียว แต่เราก็เห็นว่าเรามีโอกาสที่จะทำกำไรเพื่อที่จะเซฟค่าใช้จ่ายของตลาดได้ เราก็ทำ แค่เซฟค่าใช้จ่ายก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ดังนั้นผมจึงเป็นคนที่ทำบริษัทขาดทุนแต่ไม่ถูกไล่ออก เพราะทุกคนเข้าใจในหลักการ

* ความคืบหน้าเรื่องการทำทีวี
เรื่องนี้เป็นไอเดียของแฟมมิลี่ โนฮาว ที่คิดว่ามีอีกหลายอย่างที่มีความสำคัญ แต่มันขายไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ในการสัมมนาต่างๆที่น่าสนใจ เราอยากให้นักลงทุนได้ดู แต่คงไม่มีช่องไหนที่จะขายเวลาให้ เพราะมันอาจจะน่าเบื่อสำหรับบางกลุ่ม จึงมีความคิดที่จะทำทีวีขึ้นมาสักช่อง เพื่อให้สามารถออกอากาสรายการที่เป็นประโยชน์ได้
ตอนนี้บอร์ดเพิ่งอนุมัติในหลักการ ให้ไปศึกษาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ดังนั้นจึงยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งสิ้น เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้มั้ย โครงการอาจจะล่มก็ได้ ซึ่งคาดว่าการศึกษาจะเสร็จในปีนี้ ส่วนจะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาหรือไม่นั้นยังไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่ถ้าได้ทำแฟมมิลี่ โนฮาวต้องเป็นหลักแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น