xs
xsm
sm
md
lg

"ค้าสากลฯปูนใหญ่"ลั่นรายได้5ปีพุ่ง มั่นใจสาขากวางโจวทำเงิน300ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการายวัน-ค้าสากลซิเมนต์ไทย ในเครือปูนใหญ่ ประกาศความพร้อมเปิดสำนักงานที่กวางโจวในจีน คาดสร้างรายได้ 200-300 ล้านบาท มั่นใจใน 5 ปี รายได้เพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท เน้นนำเข้าเซรามิค สุขภัณฑ์ ส่งออก แป้ง ยางพารา ด้านเครือซีพีมั่นใจจีนโตเฉลี่ย 7% ต่อปี พร้อมย้ำทำธุรกิจในจีนต้องใช้คนจีนในการขยายฐาน

นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด บริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย หรือ ปูนใหญ่(SCC) กล่าวว่า ขณะบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายทั้งในส่วนของสินค้าในเครือซิมเนต์ไทยและสินค้านอกเครือ โดยสัดส่วนของสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายเป็นในเครือ 60% และสินค้านอกเครือ 40% ทั้งนี้สำนักงานการค้าแห่งใหม่จะเปิดที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน โดยในปีนี้น่าจะสามารทำให้ยอดรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 200-300 ล้านบาทวึ่งเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของบริษัทประมาณ 5% และจะเร่งขยายฐานะกิจในจีนให้เป็น 20 % และเพิ่มรายได้เป็น 30,000 ล้านบาทในเวลา 5 ปี
ทั้งนี้คาดว่ารายได้ทั้งปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 18,000-19,000 ล้านบาท เป็นระดับที่เติบโตขึ้นประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมา "หลักการทำธุรกิจดังกล่าวของเราคือต้องการเป็นคนที่รองรับการซื้อและการขายให้กับธุรกิจทั่วโลก"นายกลินท์กล่าว
อย่างไรก็ตามการค้าในส่วนของประเทศจีนบริษัทเริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส1/47 ซึ่งจะเป็นสินค้านำเข้าในประเภท เซรามิค สุขภัณฑ์ เนื่องจากต้นทุนของสินค้าประเภทดังกล่าวค่อนข้างต่ำ บริษัทจึงเน้นสินค้าดังกล่าวในกลุ่มล่างของตลาดเมืองไทย ในส่วนของสินค้าส่งออกจะเป็น แป้งสำประหลัง ยางแผ่น เป็นต้น
หน้าที่ความรับผิดชอบของสำนักงานในเมืองกวางโจว คือการจัดหาสินค้าจากแหล่งผลิตในประเทศจีน และนำสินค้าจากประเทศไทยเข้าไปขาย ได้แก่ ปูนซีเมนต์ เหล็ก สินค้าวัสดุก่อสร้าง ยางพารา อลุมิเนียม และอาหาร เป็นต้น
สำหรับสาขาของบริษัทขณะทั่วโลกมีอยู่ 14 แห่งใน 13 ประเทศ ทั้งในประเทสสหรัฐอเมริกา เวียดนาม กัมพูชา บังคลาเทศ และประเทสในตะวันออกกลาง เป็นต้น ในส่วนของปีหนเบริษัทคาดว่าจะสามารถขยายการเปิดสามารถได้ในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย และจีน
ด้านอุปสรรคที่เข้าได้รับจากการเข้าไปเปิดสาขาในส่วนของประเทศจีน เนื่องจากบริษัทเคยมีการเปิดสาขาในฮ่องกง แต่ขณะนี้ปิดไปแล้ว บริษัทได้เห็นปัญหาในเรื่องการเก็บเงิน และระบบของงานที่ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนักในขณะนั้น โดยตอนนี้เรามีความพร้อมในเรื่องดังกล่าวค่อนข้างสูง
"หลายฝ่ายให้ข้อตั้งสังเกตการเข้าไปเปิดสาขาในประเทศจีนว่าทำไม่เปิดที่เมืองขนาดใหย่อย่างเซียงไอ้ เรามองว่าเซียงไฮ้จะทำให้ต้นทุนในเรื่องต่างๆของเราเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะระบบการคมนาคมหากมองแล้วในกวางโจว ถือว่าสะดวกกว่ามาก"นายกลินท์กล่าว
นายสมภพ เพทายบรรลือ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มธุรกิจยานยนต์ อุตสาหกรรม และการเงินเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ขณะนี้หลายธุรกิจในหลายๆประเทศกำลังเดินหน้าเพิ่มเข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งมองตามจำนวนประชากร พื้นที่ ซึ่งใมีขนาดและจำนวนสูง การเข้าลงทุนยังคงน่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนการเติมโตของGDP จีนจะเฉลี่ยอยู่ที่ 7% ต่อปี
ทั้งนี้การที่ประเทศจีนได้เข้าเป็นสมาชิก WTO ก็ยิ่งทำให้การแข่งขันในเรื่องสินค้าและบริการมีมากขึ้น หากมองเรื่องโอกาสธุรกิจการลงทุนในจีนจึงเป็นเรื่องที่ดีในการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจในจีน ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างเข้ามาช่วยหนุน ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้บริหาร และการเลือกธุรกิจทีดีก็จะยิ่งส่งผลให้บริษัทมีความั่นคงมากขึ้น
"ผมว่าเรื่องที่น่าสนใจในการลงทุนในจีนยังคึงเป็นเรื่องการเลือกคู่ค้ามากกว่า รวมถึงการเลือกใช้บุคคลกรในพื้นที่ในการขยายฐานของธุรกิจ การจะจับหนูจีนก็ต้องใช้แมวจีน"นายสมภพกล่าว
ด้านนายดุสิต นนทะนาคาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทค้าวัสดุซิเมนต์ไทย จำกัด กล่าวว่า การเติมโตของประเทศจีนโดยเฉพาะในส่วนของทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งรวมถึงกวางโจว มาจากความสะดวกในการซื้อขายสินค้าและการติดต่อซึ่งถือได้ว่ากวางโจวเป็นเมืองขาด 1 ใน 3 ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง
นายพิษณุ เหรียญมหาสาร ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ความเป็นไปได้ที่ภาคธุรกิจของประเทศจีนจะมีการขยายเข้าไปในส่วนใต้ของประเทศมีสูง การติดต่อ การคมนาคมกับทางประเทศไทยก็มีความสะดวกสบายมากขึ้น
"ผมมองว่าในอนาคตแนวโน้มที่กวางโจวจะเป็นเมืองที่มีการเติบโตเป็นอันดับ 1 ของจีนมีความเป็นไปได้ โดยมองจากการพัฒนาจากภาครัฐที่มากขึ้นในส่วนของกวางโจว ทั้งเรื่องกาคมนาคมที่ดีขึ้นจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในดีตามไปด้วย จากที่ประเทศจีนถือได้ว่าเป็นประเทศที่รองรับกำลังการผลิตของประเทศไทยในหลายๆเรื่อง ทั้งยาง ข้าว มันสำปะหลัง ก็จะเป็นอีกแรงที่ช่วยให้ภาคธุรกิจของไทยและจีนเติบโตไปด้วยกัน"นายดุสิตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น