ผู้จัดการรายวัน-ซีฟโก้เตรียมขายหุ้นส.ค.นี้ จัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 30% เผยกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ 33 ล้านบาทเกือบเท่าทั้งปี 2546 "บล.เอเซียพลัส"ที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจหุ้นได้รับการตอบรับดี จึงเข็นออกขายเป็นบริษัทแรก
นายทัชชะพงศ์ ประเวศวรารัตน์ ประธานกรรมการ บริษัทซีฟโก้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 50 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นได้ภายในครึ่งเดือนแรกสิงหาคม และคาดว่าหุ้นจะเข้าซื้อขายภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้
ซึ่งเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ พร้อมชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน และนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทมียอดงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบและงานที่ได้ลงนามในสัญญาแล้ว แต่ยังมิได้เริ่มดำเนินงานมูลค่าประมาณ 444 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานที่รอเซ็นสัญญามูลค่าประมาณ 209 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจากการประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจคาดหมายว่าปริมาณงานที่มีจะมีการเซ็นสัญญาเข้ามาในปี 2548 น่าจะขยายตัวต่อเนื่องในอัตราประมาณ 15%
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีฟโก้ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 45%
และการเพิ่มทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นี้จะทำให้บริษัทสามารถรองรับงานได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นี้จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงจากเดิมที่ 3 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่กลุ่มทัศนนิพันธ์,กลุ่มประเวศวรารัตน์และกลุ่มวิสุทธิพิทักษ์กุล ถือหุ้น 93.68% จะมีสัดส่วนลดลงเหลือ 71.37%
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้มีรายได้รวม 223.5 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 33.09 ล้านบาทซึ่งเกือบเท่ากับทั้งปีของปี 2546 ซึ่งมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 35.5 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
"ธุรกิจของบริษัทเกี่ยวกับให้บริการเสาเข็มเจาะซึ่งถือเป็นงานต้นน้ำ ของการก่อสร้าง เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วก็จะรับเงินทันที ดังนั้นบริษัทจึงไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับหนี้เสียแต่อย่างใด"นายณรงค์กล่าว
นายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า บริษัทซีฟโก้ถือเป็นหุ้นใหม่ตัวแรกของปีนี้ที่บล.เอเซียพลัสนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สาเหตุที่เลือกบริษัทซีฟโก้เป็นบริษัทแรกเพราะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีโดยเป็นบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ประกอบกับบริษัทผู้บริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ประมาณ 30 ปี จึงเป็นที่ยอมรับ
นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากเพราะรัฐบาลมีแผนที่จะนำเงินงบประมาณไปก่อสร้างสาธารณูปโภคเช่นโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน,รวมถึงการขยายเส้นทางด่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทซีฟโก้จะเสนอขายหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้นโดยจะจัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 30% ซึ่งรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศด้วย และภายในวันที่ 27-28 กรกฎาคมนี้จะนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ให้แก่นักลงทุนสถาบัน
นายอุดมศักดิ์กล่าวว่า ภายในปีนี้บล.เอเซียพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 12
บริษัทโดยขณะนี้ได้ยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)ไปยังสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว 8 บริษัท ประกอบด้วยบริษัทซิฟโก้,บริษัทโออิชิ กรุ๊ป ซึ่งจะเสนอขายหุ้นภายในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทดีอี แคปปิตอล,บริษัท บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์และโรงพยาบาลเกษมราษฎ์ จะเสนอขายภายในเดือนกันยายน และยังมีบริษัทพีน่าเฮ้าส์, น้ำตาลขอนแก่นและบริษัทเอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ที่จะขายในเดือนถัดไป
"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการขายหุ้นจองหลายบริษัท แต่ก็ไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาการกระจุกตัว เพราะบริษัทที่บล.เอเซียพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้นจะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และราคาที่กำหนดไว้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยช่วงที่ผ่านมาหุ้นใหม่ที่บล.แอสเซทพลัสนำเข้าซื้อขายไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนแต่อย่างใด"นายอุดมศักดิ์กล่าว
นายทัชชะพงศ์ ประเวศวรารัตน์ ประธานกรรมการ บริษัทซีฟโก้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 50 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นได้ภายในครึ่งเดือนแรกสิงหาคม และคาดว่าหุ้นจะเข้าซื้อขายภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้
ซึ่งเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ พร้อมชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน และนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทมียอดงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบและงานที่ได้ลงนามในสัญญาแล้ว แต่ยังมิได้เริ่มดำเนินงานมูลค่าประมาณ 444 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานที่รอเซ็นสัญญามูลค่าประมาณ 209 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจากการประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจคาดหมายว่าปริมาณงานที่มีจะมีการเซ็นสัญญาเข้ามาในปี 2548 น่าจะขยายตัวต่อเนื่องในอัตราประมาณ 15%
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีฟโก้ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 45%
และการเพิ่มทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นี้จะทำให้บริษัทสามารถรองรับงานได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นี้จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงจากเดิมที่ 3 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่กลุ่มทัศนนิพันธ์,กลุ่มประเวศวรารัตน์และกลุ่มวิสุทธิพิทักษ์กุล ถือหุ้น 93.68% จะมีสัดส่วนลดลงเหลือ 71.37%
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้มีรายได้รวม 223.5 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 33.09 ล้านบาทซึ่งเกือบเท่ากับทั้งปีของปี 2546 ซึ่งมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 35.5 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
"ธุรกิจของบริษัทเกี่ยวกับให้บริการเสาเข็มเจาะซึ่งถือเป็นงานต้นน้ำ ของการก่อสร้าง เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วก็จะรับเงินทันที ดังนั้นบริษัทจึงไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับหนี้เสียแต่อย่างใด"นายณรงค์กล่าว
นายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า บริษัทซีฟโก้ถือเป็นหุ้นใหม่ตัวแรกของปีนี้ที่บล.เอเซียพลัสนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สาเหตุที่เลือกบริษัทซีฟโก้เป็นบริษัทแรกเพราะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีโดยเป็นบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ประกอบกับบริษัทผู้บริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ประมาณ 30 ปี จึงเป็นที่ยอมรับ
นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากเพราะรัฐบาลมีแผนที่จะนำเงินงบประมาณไปก่อสร้างสาธารณูปโภคเช่นโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน,รวมถึงการขยายเส้นทางด่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทซีฟโก้จะเสนอขายหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้นโดยจะจัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 30% ซึ่งรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศด้วย และภายในวันที่ 27-28 กรกฎาคมนี้จะนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ให้แก่นักลงทุนสถาบัน
นายอุดมศักดิ์กล่าวว่า ภายในปีนี้บล.เอเซียพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 12
บริษัทโดยขณะนี้ได้ยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)ไปยังสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว 8 บริษัท ประกอบด้วยบริษัทซิฟโก้,บริษัทโออิชิ กรุ๊ป ซึ่งจะเสนอขายหุ้นภายในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทดีอี แคปปิตอล,บริษัท บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์และโรงพยาบาลเกษมราษฎ์ จะเสนอขายภายในเดือนกันยายน และยังมีบริษัทพีน่าเฮ้าส์, น้ำตาลขอนแก่นและบริษัทเอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ที่จะขายในเดือนถัดไป
"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการขายหุ้นจองหลายบริษัท แต่ก็ไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาการกระจุกตัว เพราะบริษัทที่บล.เอเซียพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้นจะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และราคาที่กำหนดไว้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยช่วงที่ผ่านมาหุ้นใหม่ที่บล.แอสเซทพลัสนำเข้าซื้อขายไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนแต่อย่างใด"นายอุดมศักดิ์กล่าว