ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น RAIMONช่วงเช้าวันนี้ (19ก.ค.) มีการซื้อขายคึกคัก โดยในช่วงเช้าปิดตลาด ราคาหุ้น RAIMON ปิดที่ 1.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 5.25% ด้วยจำนวนหุ้นที่ซื้อขายทั้งสิ้น 37,537,000 หุ้น ส่วน RAIMON-W ปิดที่ 0.33 บาท ด้วยจำนวนหุ้นที่ซื้อขาทั้งสิ้น 76,618,900 หุ้น
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวคึกคักของหุ้น RAIMON ถูกระบุว่า มาจากการเก็งกำไรเรื่องการย้ายหุ้นกลับไปอยู่ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ และมีบทวิเคราะห์ให้นักลงทุนเข้าลงทุนในหุ้น RAIMON ได้
ด้านบล. ยูไนเต็ด แนะลงทุนระยะยาวในหุ้น RAIMON โดยกำหนดราคาเป้าหมายอยู่ที่ 1.35 บาท เนื่องจากในระยะยาวเงินทุนจากการแปลง warrant จะทำให้บริษัทฯมีศักยภายในการเติบโตอีกมาก และคาดว่า RAIMON จะสามารถย้ายกลับเข้ามาซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ได้ภายในต้นเดือนหน้า หลังมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2546 ที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด แนะลงทุนระยะยาวในหุ้นบมจ.ไรมอน แลนด์ หรือ RAIMON โดยกำหนดราคาเป้าหมาย RAIMON อยู่ที่ 1.35 บาท ที่ P/E 15 เท่า และ P/BV 1.4 เท่า เนื่องจากในระยะยาวเงินทุนจากการแปลง warrant จะทำให้บริษัทฯมีศักยภายในการเติบโตอีกมาก
ช่วงที่ผ่านมา RAIMON ประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน PP 117 ล้านหุ้น ที่ราคา 1 บาท (ราคา PAR) ทั้งนี้หุ้นที่นำมาจัดสรรเป็นส่วนที่เหลือจากการขายหุ้นเพิ่มทุนในเดือนพ.ค.ก่อนหน้านี้ โดยราคาเพิ่มทุนที่ 1 บาท จะเป็นราคาเดียวกับที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม การเพิ่มทุนครั้งนี้มี dilution ประมาณ 12.5% เทียบกับหุ้นในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี หากรวมหุ้นที่สำรองไว้จัดสรรให้ RAIMON-W ด้วยแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้จะมี Dilution เพียง 5% เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะสามารถขายได้หมดทั้งจำนวน
ผลจากการเพิ่มทุนจะมีผลต่อ RAIMON-W โดยอาจมีการปรับอัตราการใช้สิทธิ และราคาให้สิทธิใหม่เพื่อไม่ให้สิทธิของผู้ถือ Warrantลดลง ซึ่งการปรับสิทธิจะทำให้มูลค่าของ Warrant ต่อหน่วยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ประมาณ 4% (เดิมจัดสรรหุ้นสามัญรองรับ Warrant ประมาณ 1,550 ล้านหุ้น คาดจะจัดสรรมาสำรองเพิ่มอีก 61 ล้านหุ้น)
อีกทั้ง ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มียอดขาย 59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 198 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า บริษัทฯยังขาดทุนอยู่ 25 ล้านบาท และไตรมาส1 ปี 47 มีกำไรเพียง 14 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้ บริษัทฯ มีกำไรเติบโตขึ้นมาก เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 221 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการลงทุนในกองทุนรวมบางกอกพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ The Lake
"บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2546 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯผ่านเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ในการที่จะขอย้ายกลับเข้ามาซื้อขายในหมวดปกติ คือ หมวดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถย้ายหมวดได้ภายในต้นเดือนหน้า" บทวิเคราะห์ระบุ
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวคึกคักของหุ้น RAIMON ถูกระบุว่า มาจากการเก็งกำไรเรื่องการย้ายหุ้นกลับไปอยู่ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ และมีบทวิเคราะห์ให้นักลงทุนเข้าลงทุนในหุ้น RAIMON ได้
ด้านบล. ยูไนเต็ด แนะลงทุนระยะยาวในหุ้น RAIMON โดยกำหนดราคาเป้าหมายอยู่ที่ 1.35 บาท เนื่องจากในระยะยาวเงินทุนจากการแปลง warrant จะทำให้บริษัทฯมีศักยภายในการเติบโตอีกมาก และคาดว่า RAIMON จะสามารถย้ายกลับเข้ามาซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ได้ภายในต้นเดือนหน้า หลังมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2546 ที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด แนะลงทุนระยะยาวในหุ้นบมจ.ไรมอน แลนด์ หรือ RAIMON โดยกำหนดราคาเป้าหมาย RAIMON อยู่ที่ 1.35 บาท ที่ P/E 15 เท่า และ P/BV 1.4 เท่า เนื่องจากในระยะยาวเงินทุนจากการแปลง warrant จะทำให้บริษัทฯมีศักยภายในการเติบโตอีกมาก
ช่วงที่ผ่านมา RAIMON ประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน PP 117 ล้านหุ้น ที่ราคา 1 บาท (ราคา PAR) ทั้งนี้หุ้นที่นำมาจัดสรรเป็นส่วนที่เหลือจากการขายหุ้นเพิ่มทุนในเดือนพ.ค.ก่อนหน้านี้ โดยราคาเพิ่มทุนที่ 1 บาท จะเป็นราคาเดียวกับที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม การเพิ่มทุนครั้งนี้มี dilution ประมาณ 12.5% เทียบกับหุ้นในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี หากรวมหุ้นที่สำรองไว้จัดสรรให้ RAIMON-W ด้วยแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้จะมี Dilution เพียง 5% เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะสามารถขายได้หมดทั้งจำนวน
ผลจากการเพิ่มทุนจะมีผลต่อ RAIMON-W โดยอาจมีการปรับอัตราการใช้สิทธิ และราคาให้สิทธิใหม่เพื่อไม่ให้สิทธิของผู้ถือ Warrantลดลง ซึ่งการปรับสิทธิจะทำให้มูลค่าของ Warrant ต่อหน่วยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ประมาณ 4% (เดิมจัดสรรหุ้นสามัญรองรับ Warrant ประมาณ 1,550 ล้านหุ้น คาดจะจัดสรรมาสำรองเพิ่มอีก 61 ล้านหุ้น)
อีกทั้ง ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มียอดขาย 59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 198 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า บริษัทฯยังขาดทุนอยู่ 25 ล้านบาท และไตรมาส1 ปี 47 มีกำไรเพียง 14 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้ บริษัทฯ มีกำไรเติบโตขึ้นมาก เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 221 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการลงทุนในกองทุนรวมบางกอกพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ The Lake
"บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2546 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯผ่านเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ในการที่จะขอย้ายกลับเข้ามาซื้อขายในหมวดปกติ คือ หมวดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถย้ายหมวดได้ภายในต้นเดือนหน้า" บทวิเคราะห์ระบุ