ผู้บริหารไดโดมอนกำลังเร่งจัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ พิจารณาหลายรูปแบบ อาทิ แปลงหนี้เป็นทุน ขอปรับลดดอกเบี้ย คาดใช้เวลา 4-6 เดือนจึงสรุป พร้อมเผยหุ้นใหญ่กลุ่มวิชัย ทอง เข้าถือหุ้นใหญ่ไดโดมอนได้รับข้อมูลภายในไม่หมด แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเจ้าหนี้จะเห็นด้วยกับแผนปรับโครงสร้างหนี้
วันที่ 18 มิ.ย.47 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขึ้นเครื่องหมาย "H" หรือ ห้ามซื้อขายเป็นเวลาหนึ่งรอบในหุ้นบริษัทไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (DAIDO) ก่อนห้ามซื้อขายหรือแขวนป้าย SPมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นเวลารวม 17 วันแล้ว นับจากที่คณะกรรมการ DAIDO มีมติหยุดพักชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงิน จำนวน 656 ล้านบาท โดยล่าสุด DAIDO กำลังอยู่ในระหว่างการทำแผนปรับโครงสร้างหนี้กับแบงก์เจ้าหนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการจัดทำเป็นเวลา 4-6เดือน
นายอุทัย สกุลครู กรรมการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของ DAIDO ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้มูลหนี้ 656.60 ล้านบาท กับสถาบันการเงินซึ่โดยมีธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีเจ้าหนี้รายใหญ่คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
สำหรับฐานะบริษัทถึงแม้ขณะนี้จะหยุดพักชำระหนี้ แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นยังไม่เป็นศูนย์ แผนปรับโครงสร้างหนี้ที่กำลังจัดทำอยู่นั้นมีการพิจารณาหลายรูปแบบด้วยกัน อาทิ การเพิ่มทุนการแปลงหนี้เป็นทุน การขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการขอลดหนี้หรือ แฮร์คัท ส่วนการลดทุนและเพิ่มทุนในขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงหากจะมีก็คงจะเกิดขึ้นในขั้นสุดท้ายหากไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้จนแผนปรับโครงสร้างหนี้ไม่บรรลุผล
อย่างไรก็ดี คาดว่าการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ เนื่องจากกลุ่มใหม่ที่เข้ามาบริหารงานมีความตั้งใจในการทำงาน แต่ยอมรับว่าก่อนจะตัดสินใจเข้าลงทุนถือหุ้นใหญ่ใน DAIDO ได้รับข้อมูลความเสียหายไม่หมด"ถ้าเห็นหมดทุกอย่างอาจจะไม่เข้าลงทุน"
นายอุทัย กล่าวต่อว่า ผู้บริหารกลุ่มใหม่ได้เข้ามาบริหาร DAIDO หลังจากที่ได้เข้ามาถือหุ้นอย่างเป็นทางการในต้นปี 2547 ช่วงที่เข้ามาก็ได้พยายามแก้ปัญหาและใส่เงินเข้ามา มีการกู้เงินระยะสั้นเพื่อรักษาสภาพคล่องทุกเดือนรวมเป็นเงินประมาณ 10 กว่าล้านบาท แต่ปัญหามากกว่าที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่(นายวิชัย ทองแตง) จะได้เห็นข้อมูลก่อนจะตกลงเข้ามาถือหุ้นใหญ่ประมาณ 20%
สำหรับมูลหนี้ 656.60 ล้านบาทนี้มีส่วน 2 ส่วนหนึ่งเป็นหนี้เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว กับอีกส่วนเป็นหนี้ใหม่ที่ผู้บริหารกลุ่มใหม่ได้กู้มาเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาถ้าหากDAIDOมียอดขายมีกำไรก็จะมีเงินมาหมุนเวียน แต่พอไม่มีและเจ้าหนี้มองเห็นปัญหาก็ทำให้เจ้าหนี้เริ่มไม่แน่ใจและจะเรียกคืนหนี้หมด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่ธนาคารพาณิชย์ต้องทำเช่นนี้
ขณะที่เจ้าหนี้ถ้าจะมีการอัดเม็ดเงินเข้ามาช่วยเหลือใหม่ตามปกติก็ต้องมีการส่งคนเข้ามาร่วมควบคุมการบริหาร
นายอุทัย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังจะดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป และยังไม่คิดจะขาย DAIDO ออกในขณะนี้ แต่ขณะเดียวกันหากมีใครเสนอซื้อก็ไม่ปิดกั้นการขายหุ้น DAIDO ออกไป
ทั้งนี้ DAIDO ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์ไว้ว่า คณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้หยุดพักชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงิน 656.60 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพทางการเงินและทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยไม่ได้หยุดการชำระหนี้ทางการค้ารวมถึงค่าเช่าและค่าบริการต่าง ๆ
นอกจากนี้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติแต่งตั้งธนาคารธนชาตเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหารวมถึงการประนอมหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินโดยคิดค่าตอบแทน 2.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเพื่อจัดทำแนวทางในการประนอมหนี้
ส่วนวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา DAIDO ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 47 ที่ผ่าน
การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์แล้ว ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย "NR" (Notice Received) หลักทรัพย์ของ DAIDO แต่ยังคงสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของ DAIDO ต่อไปจนกว่าจะชี้แจงข้อมูลหรือนำส่งงบการเงินที่สามารถสะท้อนฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่แท้จริงของ DAIDO ได้
วันที่ 18 มิ.ย.47 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขึ้นเครื่องหมาย "H" หรือ ห้ามซื้อขายเป็นเวลาหนึ่งรอบในหุ้นบริษัทไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (DAIDO) ก่อนห้ามซื้อขายหรือแขวนป้าย SPมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นเวลารวม 17 วันแล้ว นับจากที่คณะกรรมการ DAIDO มีมติหยุดพักชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงิน จำนวน 656 ล้านบาท โดยล่าสุด DAIDO กำลังอยู่ในระหว่างการทำแผนปรับโครงสร้างหนี้กับแบงก์เจ้าหนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการจัดทำเป็นเวลา 4-6เดือน
นายอุทัย สกุลครู กรรมการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของ DAIDO ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้มูลหนี้ 656.60 ล้านบาท กับสถาบันการเงินซึ่โดยมีธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีเจ้าหนี้รายใหญ่คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
สำหรับฐานะบริษัทถึงแม้ขณะนี้จะหยุดพักชำระหนี้ แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นยังไม่เป็นศูนย์ แผนปรับโครงสร้างหนี้ที่กำลังจัดทำอยู่นั้นมีการพิจารณาหลายรูปแบบด้วยกัน อาทิ การเพิ่มทุนการแปลงหนี้เป็นทุน การขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการขอลดหนี้หรือ แฮร์คัท ส่วนการลดทุนและเพิ่มทุนในขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงหากจะมีก็คงจะเกิดขึ้นในขั้นสุดท้ายหากไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้จนแผนปรับโครงสร้างหนี้ไม่บรรลุผล
อย่างไรก็ดี คาดว่าการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ เนื่องจากกลุ่มใหม่ที่เข้ามาบริหารงานมีความตั้งใจในการทำงาน แต่ยอมรับว่าก่อนจะตัดสินใจเข้าลงทุนถือหุ้นใหญ่ใน DAIDO ได้รับข้อมูลความเสียหายไม่หมด"ถ้าเห็นหมดทุกอย่างอาจจะไม่เข้าลงทุน"
นายอุทัย กล่าวต่อว่า ผู้บริหารกลุ่มใหม่ได้เข้ามาบริหาร DAIDO หลังจากที่ได้เข้ามาถือหุ้นอย่างเป็นทางการในต้นปี 2547 ช่วงที่เข้ามาก็ได้พยายามแก้ปัญหาและใส่เงินเข้ามา มีการกู้เงินระยะสั้นเพื่อรักษาสภาพคล่องทุกเดือนรวมเป็นเงินประมาณ 10 กว่าล้านบาท แต่ปัญหามากกว่าที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่(นายวิชัย ทองแตง) จะได้เห็นข้อมูลก่อนจะตกลงเข้ามาถือหุ้นใหญ่ประมาณ 20%
สำหรับมูลหนี้ 656.60 ล้านบาทนี้มีส่วน 2 ส่วนหนึ่งเป็นหนี้เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว กับอีกส่วนเป็นหนี้ใหม่ที่ผู้บริหารกลุ่มใหม่ได้กู้มาเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาถ้าหากDAIDOมียอดขายมีกำไรก็จะมีเงินมาหมุนเวียน แต่พอไม่มีและเจ้าหนี้มองเห็นปัญหาก็ทำให้เจ้าหนี้เริ่มไม่แน่ใจและจะเรียกคืนหนี้หมด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่ธนาคารพาณิชย์ต้องทำเช่นนี้
ขณะที่เจ้าหนี้ถ้าจะมีการอัดเม็ดเงินเข้ามาช่วยเหลือใหม่ตามปกติก็ต้องมีการส่งคนเข้ามาร่วมควบคุมการบริหาร
นายอุทัย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังจะดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป และยังไม่คิดจะขาย DAIDO ออกในขณะนี้ แต่ขณะเดียวกันหากมีใครเสนอซื้อก็ไม่ปิดกั้นการขายหุ้น DAIDO ออกไป
ทั้งนี้ DAIDO ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์ไว้ว่า คณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้หยุดพักชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงิน 656.60 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพทางการเงินและทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยไม่ได้หยุดการชำระหนี้ทางการค้ารวมถึงค่าเช่าและค่าบริการต่าง ๆ
นอกจากนี้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติแต่งตั้งธนาคารธนชาตเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหารวมถึงการประนอมหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินโดยคิดค่าตอบแทน 2.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเพื่อจัดทำแนวทางในการประนอมหนี้
ส่วนวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา DAIDO ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 47 ที่ผ่าน
การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์แล้ว ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย "NR" (Notice Received) หลักทรัพย์ของ DAIDO แต่ยังคงสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของ DAIDO ต่อไปจนกว่าจะชี้แจงข้อมูลหรือนำส่งงบการเงินที่สามารถสะท้อนฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่แท้จริงของ DAIDO ได้