ผู้จัดการรายวัน - ฟื้นชีพตึกร้างโรงแรมโซฟิเทลเก่า กองทุนเวสต์บรู๊ค สหรัฐฯ ควงซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ สิงคโปร์ ทุ่ม 2,400 ล้านบาท ซื้ออาคารโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาจาก บสท. เตรียมรีโนเวตใหม่ทั้งตึก ดึงเชนโรงแรม 5 ดาว ฮิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนลบริหาร พร้อมดึงอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ "ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล" รั้งตำแหน่งประธานบริษัท คาดบริการไตรมาส 2 ปีหน้า เวสต์บรู๊คแย้มสนใจซื้ออาคารสำนักงานในไทย
นายสุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการผู้จัดการ กองทุนอสังหาริมทรัพย์เวสต์บรู๊ค พาร์ตเนอร์ส ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า กองทุนเวสต์บรู๊ค (Westbrook)ได้ร่วมทุนกับบริษัทซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ จำกัด จากประเทศสิงคโปร์ เข้าไปประมูลซื้ออาคารโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนเจริญนคร ซึ่งเดิมอาคารนี้จะเป็นโรงแรมโซฟิเทล จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บสท.) ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท
หลังจากนั้นได้จัดตั้งกองทุน Thai Real Estate Restructuring Fund 1 ประเภท 4 เพื่อระดมทุนอีก 1,400-1,500 ล้านบาท ในการรีโนเวตอาคารโรงแรม โดยขอกู้เงินจากธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารนครหลวงไทย บง.ทิสโก้ และบง.AITCO รวมใช้งบลงทุนในโครงการนี้ประมาณ 2,400 ล้านบาท
หลังจากนั้นเวสต์บรู๊ค และซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ ได้จัดตั้งบริษัทกรุงเทพริมน้ำ จำกัด ในสัดส่วน 50:50 มาเป็นผู้บริหารตัวโครงการ โดยมีม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นประธานบริษัท และได้เซ็นสัญญากับฮิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล เชนโรงแรม 5 ดาว เข้ามาบริหารโรงแรมแห่งใหม่นี้ที่ชื่อว่า มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและเปิดให้ดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2548 โดยกองทุนไม่มีแนวคิดที่จะถอนการลงทุน หรือขายโครงการ เพราะถือเป็นการลงทุนระยะยาว ที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ซึ่งการลงทุนโรงแรมดังกล่าวน่าจะคุ้มทุนในระยะ 10 ปี
"โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ เป็นอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกที่เวสต์บรู๊คและซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นมูลค่า 15,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันกองทุนมีเงินอยู่ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท และสนใจจะเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และประเทศไทย” นายสุชาติ กล่าว
กองทุนเวสต์บรู๊คให้ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานในไทยอย่างมาก เพราะเป็นธุรกิจขาขึ้นหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว การเติบโตของอาคารสำนักงานน่าจะกลับสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง ส่วนกลุ่มคอนโด ไฮเอนด์ ราคาแพง กองทุนไม่ให้ความสนใจ เพราะอยู่ในช่วงขาลง
นายคูส์ ไคลน์ ประธาน บริษัทฮิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก และตะวันออกกลาง กล่าวว่าโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเชนโรงแรมฮิลตันแห่งแรกในกรุงเทพฯ หลังจากได้ยกเลิกการบริหารโรงแรมฮิลตัน ณ ปาร์ค นายเลิศไปเมื่อปลายปีก่อน โดยเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 542 ห้อง ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ 2 ห้อง ภัตตาคาร 3 ห้อง การตกแต่งแบบศิลปะร่วมสมัย โดยบาร์สตูดิโอ
"จุดเด่นของโรงแรมจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทุกห้อง เห็นทิวทัศน์พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้วทางทิศเหนือ และทัศนียภาพเมืองกรุงเทพฯด้านทิศใต้”
สำหรับการเข้าบริหารโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯในครั้งนี้ จะเป็นศูนย์กลางกระจายลูกค้านักธุรกิจ และลูกค้านักท่องเที่ยวของกลุ่มฮิลตัน และเชนคอนราด จากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองท่องเที่ยวของไทย ที่มีเชนคอนราดให้บริการอยู่ ที่ภูเก็ต กระบี่ และหัวหิน หลังการเปิดบริการฮิลตัน กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักประมาณ 60-65% ในปีแรก ทั้งนี้ มีความสนใจจะเข้าบริหารโรงแรมเชนฮิลตันที่เชียงใหม่ และสมุย เพิ่มเติมในอนาคต
"การที่เชนฮิลตัน สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งศักยภาพของรัฐบาลไทยในการเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทันสมัย เพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ” นายไคลน์ กล่าว
ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ประธาน บริษัทกรุงเทพริมน้ำ จำกัด กล่าวว่า โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริษัทเข้ามาซื้อเป็นโครงการที่หยุดก่อสร้างตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโครงการหนึ่งที่ทำให้เกิดฟองสบู่ในช่วงนั้น การเข้ามาดำเนินการของโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ จึงช่วยทำให้อาคารร้างในประเทศไทยลดลง และกลายเป็นพื้นที่ที่เกิดประโยชน์ โครงการนี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงานในประเทศอีกไม่ต่ำกว่า 650 ตำแหน่ง
นายสุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการผู้จัดการ กองทุนอสังหาริมทรัพย์เวสต์บรู๊ค พาร์ตเนอร์ส ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า กองทุนเวสต์บรู๊ค (Westbrook)ได้ร่วมทุนกับบริษัทซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ จำกัด จากประเทศสิงคโปร์ เข้าไปประมูลซื้ออาคารโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนเจริญนคร ซึ่งเดิมอาคารนี้จะเป็นโรงแรมโซฟิเทล จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บสท.) ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท
หลังจากนั้นได้จัดตั้งกองทุน Thai Real Estate Restructuring Fund 1 ประเภท 4 เพื่อระดมทุนอีก 1,400-1,500 ล้านบาท ในการรีโนเวตอาคารโรงแรม โดยขอกู้เงินจากธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารนครหลวงไทย บง.ทิสโก้ และบง.AITCO รวมใช้งบลงทุนในโครงการนี้ประมาณ 2,400 ล้านบาท
หลังจากนั้นเวสต์บรู๊ค และซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ ได้จัดตั้งบริษัทกรุงเทพริมน้ำ จำกัด ในสัดส่วน 50:50 มาเป็นผู้บริหารตัวโครงการ โดยมีม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นประธานบริษัท และได้เซ็นสัญญากับฮิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล เชนโรงแรม 5 ดาว เข้ามาบริหารโรงแรมแห่งใหม่นี้ที่ชื่อว่า มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและเปิดให้ดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2548 โดยกองทุนไม่มีแนวคิดที่จะถอนการลงทุน หรือขายโครงการ เพราะถือเป็นการลงทุนระยะยาว ที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ซึ่งการลงทุนโรงแรมดังกล่าวน่าจะคุ้มทุนในระยะ 10 ปี
"โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ เป็นอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกที่เวสต์บรู๊คและซิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นมูลค่า 15,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันกองทุนมีเงินอยู่ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท และสนใจจะเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และประเทศไทย” นายสุชาติ กล่าว
กองทุนเวสต์บรู๊คให้ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานในไทยอย่างมาก เพราะเป็นธุรกิจขาขึ้นหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว การเติบโตของอาคารสำนักงานน่าจะกลับสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง ส่วนกลุ่มคอนโด ไฮเอนด์ ราคาแพง กองทุนไม่ให้ความสนใจ เพราะอยู่ในช่วงขาลง
นายคูส์ ไคลน์ ประธาน บริษัทฮิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก และตะวันออกกลาง กล่าวว่าโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเชนโรงแรมฮิลตันแห่งแรกในกรุงเทพฯ หลังจากได้ยกเลิกการบริหารโรงแรมฮิลตัน ณ ปาร์ค นายเลิศไปเมื่อปลายปีก่อน โดยเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 542 ห้อง ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ 2 ห้อง ภัตตาคาร 3 ห้อง การตกแต่งแบบศิลปะร่วมสมัย โดยบาร์สตูดิโอ
"จุดเด่นของโรงแรมจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทุกห้อง เห็นทิวทัศน์พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้วทางทิศเหนือ และทัศนียภาพเมืองกรุงเทพฯด้านทิศใต้”
สำหรับการเข้าบริหารโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯในครั้งนี้ จะเป็นศูนย์กลางกระจายลูกค้านักธุรกิจ และลูกค้านักท่องเที่ยวของกลุ่มฮิลตัน และเชนคอนราด จากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองท่องเที่ยวของไทย ที่มีเชนคอนราดให้บริการอยู่ ที่ภูเก็ต กระบี่ และหัวหิน หลังการเปิดบริการฮิลตัน กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักประมาณ 60-65% ในปีแรก ทั้งนี้ มีความสนใจจะเข้าบริหารโรงแรมเชนฮิลตันที่เชียงใหม่ และสมุย เพิ่มเติมในอนาคต
"การที่เชนฮิลตัน สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งศักยภาพของรัฐบาลไทยในการเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทันสมัย เพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ” นายไคลน์ กล่าว
ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ประธาน บริษัทกรุงเทพริมน้ำ จำกัด กล่าวว่า โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริษัทเข้ามาซื้อเป็นโครงการที่หยุดก่อสร้างตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโครงการหนึ่งที่ทำให้เกิดฟองสบู่ในช่วงนั้น การเข้ามาดำเนินการของโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ จึงช่วยทำให้อาคารร้างในประเทศไทยลดลง และกลายเป็นพื้นที่ที่เกิดประโยชน์ โครงการนี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงานในประเทศอีกไม่ต่ำกว่า 650 ตำแหน่ง