xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติย้ำเปิดเสรีเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารแห่งประเทศไทยหวั่นประชาชนหันกู้นอกระบบ ยอมไม่คุมเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล เหตุยังมีช่องทางให้แบงก์แข่งขันได้ หลังจากคุมบัตรเครดิต และสินเชื่อบ้านแข่งดุ เผยกรณีสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดฯ ทำถูกกฎแล้ว โดยมีเจตนาให้ลูกค้าชำระหนี้ตรงเวลา

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจาก ธปท. ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณากำหนดได้อย่างเสรี ตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย มีเพียงได้ออกหนังสือเวียนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ให้ธนาคารพาณิชย์ประกาศอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในเพดานสูงสุดให้ลูกค้าทราบ ทั้งนี้ หาก ธปท. เข้าไปคุมเพดานสินเชื่อบุคคลเหมือนที่ได้ควบคุมเพดานบัตรเครดิตนั้น จะส่งผลให้ประชาชนไม่มีช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ จนสุดท้ายประชาชนก็ต้องหันไปพึ่งพิงเงินกู้นอกระบบที่ให้อัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงมาก

โดยสินเชื่อบุคคลมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธปท. ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน เนื่องจากภาวะการแข่งขันสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันค่อนข้างแข่งกันอย่างรุนแรงอยู่แล้ว ซึ่งก็เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน และสินเชื่อบัตรเครดิตที่จำเป็นต้องเข้าคุมเพดานอัตราดอกเบี้ย เพราะผู้ประกอบการได้คิดอัตราดอกเบี้ยสูงถึงระดับร้อยละ 56 ซึ่งเป็นการคิดที่เกินความจำเป็น

“ธปท. คงไม่เข้าไปกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล เพราะแบงก์พาณิชย์ยังสามารถมีช่องว่างให้แข่งขันเรื่องราคาได้ และผู้บริโภคก็มีสิทธิที่จะสามารถเลือกใช้สินเชื่อของแบงก์ที่ให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดได้ ซึ่งเรื่องนี้แบงก์ชาติเพียงให้แบงก์รายงานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมทั้งหมด เพื่อให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการเลือกเท่านั้น หากแบงก์ชาติเข้าไปคุมทั้งหมด ประชาชนก็ต้องทะลักออกไปกู้นอกระบบแทน เพราะกู้ในระบบไม่มีทางเลือกมากนัก จึงจำเป็นต้องเปิดทางไว้บ้าง” นางธาริษา กล่าว

นางธาริษา กล่าวว่า ในกรณีของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธนนั้น ถือว่าไม่ได้เป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงจนเกินความจำเป็น และไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาเปรียบลูกค้าแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าธนาคารต้องการทำตามให้ถูกต้องตามระเบียบของ ธปท. เท่านั้น ซึ่งธนาคารได้มีการเข้ามาหารือเรื่องนี้ให้ ธปท. รับทราบแล้ว โดยที่ผ่านมาธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน ได้คิดค่าธรรมเนียมผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นจำนวนเงิน 700 บาทต่อรายต่อครั้ง ซึ่งตามระเบียบของ ธปท. ต้องการให้คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยแทน เพราะหากคิดเป็นจำนวนเงิน ทำให้ลูกค้าที่มียอดหนี้คงค้างไม่มาก เสียเปรียบลูกค้าที่มียอดหนี้จำนวนมาก เพราะเมื่อนำมาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วจะต้องเสียในอัตราที่สูงกว่า

“กรณีสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดฯ ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนั้น เพียงเพื่อทำให้ถูกกฎของ ธปท. เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปขูดรีดขูดเนื้อผู้บริโภค ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแปลงการคิดอัตราค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยต่าง ๆ แล้ว ทำให้จากค่าธรรมเนียมผิดนัดชำระ 700 บาท กลายเป็นอัตราดอกเบี้ยที่คิดสูงสุดรวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้วไม่เกินร้อยละ 75 และธนาคารเองก็มีเจตนาดี ที่กำหนดไว้ในอัตราที่สูง เพื่อที่จะเป็นแรงจูงใจในการรักษาวินัยทางการเงินของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามาชำระหนี้ให้ตรงเวลามากขึ้น” นางธาริษา กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน เป็นผู้ที่ตระหนักในระเบียบ ธปท. ที่ออกไป และเห็นว่าของตนเองผิดหลักเกณฑ์ จึงได้เข้ามาปรึกษาและแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งในส่วนของธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ยังไม่มีรายใด มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และ ธปท. ก็ยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งต้องมีความตระหนักเอง และหากพบว่าผิดหลักเกณฑ์ก็ควรที่จะเข้าไปเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง สำหรับภาวการณ์แข่งขันของสินเชื่อบุคคลในขณะนี้ ถือว่ายังไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด แต่ก็มียอดฐานสินเชื่อบุคคลขยายตัวเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่ ธปท. ได้เข้าไปควบคุมบัตรเครดิต ซึ่งผู้ประกอบการยังสามารถแข่งขันในเรื่องราคาได้อยู่ เพราะ ธปท. ไม่ได้เข้าไปกำหนดเพดาน แล้วแต่การบริหารความเสี่ยงของแต่ละธนาคารเอง รวมทั้งผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยส่วนใหญ่มีความต้องการใช้เงิน เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวถือว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงระดับหนึ่งที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว ก็จะหยุดการก่อหนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น