ผู้จัดการรายวัน- บิ๊กTGP แจงเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดฯ คาดผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบจากส่วนต่างของหุ้นเฉลี่ย 38-57% ยอมรับอยู่ในตลาดฯทำให้ขาดความคล่องตัว คู่แข่งรู้ทัน พร้อมลงทุน 2,200 ล้านบาทเพิ่มกำลังผลิตเพิ่มเป็น 76 ล้านตารางเมตร
นายวิรัตน์ พนมชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีพีบี ไทยยิบซั่ม หรือ ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเพิกถอนบริษัทฯออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เป็นไปตามมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของมติที่ประชุมในวันนั้น โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำคำขอเสนอซื้อหุ้น ( เทนเดอร์ออฟเฟอร์ ) กับผู้ถือหุ้นอยู่ คาดว่ากระบวนการซื้อคืนจะเริ่มในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยกำหนดราคาไว้ที่ 7 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาฐานที่บริษัทใช้คำนวณที่ซื้อขายครั้งล่าสุดสูงสุด 4.46 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา
" จริงๆแล้ว ราคาที่เสนอสูงมากเมื่อเทียบกับราคาในกระดาน และจากข้อมูลของที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด หากคิดคำนวณย้อนหลังไป 1ปี หากผู้ถือหุ้นขายคืนจะได้รับส่วนต่างราคาหุ้นถึง 57% แต่หากคำนวณช่วง 4-5 เดือนจะได้รับส่วนต่างจากราคาหุ้น 38% ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เงินซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท " นายวิรัตน์กล่าว
สาเหตุที่ออกจากตลาดฯเนื่องจากก่อนหน้านี้การเข้าจดทะเบียนก็เพื่อระดมทุนในดำเนินธุรกิจ แต่ตอนนี้นโยบายของผู้ถือหุ้นใหญ่จากประเทศอังกฤษ บริษัท บีพีบี กรุ๊ป จะไม่พยายามที่จะระดมทุนในแต่ละประเทศที่บริษัทตั้งอยู่ แต่จะขยายธุรกิจโดยใช้เงินทุนของบริษัทและของบริษัทแม่มากขึ้น ประกอบกับด้วยข้อบังคับต่างๆของตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้บริษัทค่อนข้างเสียเปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน ความคล่องตัวมีน้อยกว่า
นายวิรัตน์ กล่าวว่าที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ลงทุนขยายกำลังการผลิต โรงงานผลิตที่การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรีจาก 36 ล้านตารางเมตร เป็น 76 ล้านตารางเมตร ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท และบางส่วนอาจจะขอวงเงินจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้การขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศที่เติบโตขึ้น อีกทั้งกำลังผลิตในส่วนแรกได้เดินเครื่องเต็มตั้งแต่ปี 2546
" การเพิ่มกำลังการผลิตเราไม่ได้มองส่วนแบ่งตลาด เพราะขณะนี้ข้อมูลในตลาดไม่สมบูรณ์ แต่เราต้องการเป็นผู้นำซึ่งหากสามารถเจาะตลาดผนังมาใช้ยิบซั่มได้ ก็น่าจะโอเค เพราะเราต้องการเน้นตลาดภายในประเทศมากกว่าที่จะมุ่งส่งออก แต่บางส่วนก็จะมีการส่งออกไปยังประเทศที่ยังไม่เข้าไปทำตลาดได้ " กรรมการผู้จัดการกล่าว
นายพอล แอนโทนี แมคเครย์ ผู้อำนวยการสายงานการเงิน บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน)( TGP)เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 มีกำไรสุทธิ 477.18 ล้านบาท ลดลง เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 มีกำไรสุทธิ513.84 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อรายได้มาจาก รายได้จากการขายและการให้บริการของบริษัทฯ 2,051.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.04 % (313.42 ล้านบาท) เนื่องจาก ปริมาณขายแผ่นยิบซั่มเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้น 36.72 ล้านบาท จากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารผลิตภัณฑ์และพัฒนาการตลาดเพิ่มขึ้น
บริษัทฯมีภาระดอกเบี้ยรับเกิดจากเงินสดสุทธิคงเหลือ และไม่มีดอกเบี้ยจ่าย เนื่อง จาก บริษัทได้ขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และกำไรในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม เพิ่มขึ้น 9.38 ล้านบาท จากปีก่อน เกิดจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทร่วมแห่งหนึ่ง
ด้านนักวิเคราะห์ นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด กล่าวว่าสาเหตุผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของTGP อาจต้องการออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยไม่มีการติดขัดใดๆ จึงเสนอราคาที่ค่อนข้างจูงใจสำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อย เมื่อเทียบกับราคามูลค่าทางบัญชี (BV) และราคาในกระดาน
" ที่ผ่านมาก็มีข่าวมานานแล้ว เรื่องจะออกจากตลาด เพราะถูกเทคโอเวอร์ พอมาถึงตอนนี้ก็เลยไม่ค่อนน่าแปลกใจ ส่วนสาเหตุผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TGP เป็นฝรั่ง อาจจะอยากให้ดีลจบแบบราบรื่น ไม่มีอุปสรรค ถึงยอมให้ราคาสูงถึง 7 บาท และสัดส่วนหุ้นที่ต้องการมีอีกไม่มาก ซึ่งก็คงใช้เงินไม่เยอะเท่าไหร่ และทางบริษัทฯน่าจะมีเงินอยู่แล้ว "
ทั้งนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TGP ที่รายงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวน 748 ล้านหุ้น หรือ 74.8 ล้านหุ้น เหลือหุ้นอีก 252 ล้านหุ้น หากจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นจำนวนดังกล่าว ต้องใช้เงินประมาณ 1,764 ล้านบาท
นายวิรัตน์ พนมชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีพีบี ไทยยิบซั่ม หรือ ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเพิกถอนบริษัทฯออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เป็นไปตามมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของมติที่ประชุมในวันนั้น โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำคำขอเสนอซื้อหุ้น ( เทนเดอร์ออฟเฟอร์ ) กับผู้ถือหุ้นอยู่ คาดว่ากระบวนการซื้อคืนจะเริ่มในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยกำหนดราคาไว้ที่ 7 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาฐานที่บริษัทใช้คำนวณที่ซื้อขายครั้งล่าสุดสูงสุด 4.46 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา
" จริงๆแล้ว ราคาที่เสนอสูงมากเมื่อเทียบกับราคาในกระดาน และจากข้อมูลของที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด หากคิดคำนวณย้อนหลังไป 1ปี หากผู้ถือหุ้นขายคืนจะได้รับส่วนต่างราคาหุ้นถึง 57% แต่หากคำนวณช่วง 4-5 เดือนจะได้รับส่วนต่างจากราคาหุ้น 38% ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เงินซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท " นายวิรัตน์กล่าว
สาเหตุที่ออกจากตลาดฯเนื่องจากก่อนหน้านี้การเข้าจดทะเบียนก็เพื่อระดมทุนในดำเนินธุรกิจ แต่ตอนนี้นโยบายของผู้ถือหุ้นใหญ่จากประเทศอังกฤษ บริษัท บีพีบี กรุ๊ป จะไม่พยายามที่จะระดมทุนในแต่ละประเทศที่บริษัทตั้งอยู่ แต่จะขยายธุรกิจโดยใช้เงินทุนของบริษัทและของบริษัทแม่มากขึ้น ประกอบกับด้วยข้อบังคับต่างๆของตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้บริษัทค่อนข้างเสียเปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน ความคล่องตัวมีน้อยกว่า
นายวิรัตน์ กล่าวว่าที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ลงทุนขยายกำลังการผลิต โรงงานผลิตที่การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรีจาก 36 ล้านตารางเมตร เป็น 76 ล้านตารางเมตร ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท และบางส่วนอาจจะขอวงเงินจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้การขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศที่เติบโตขึ้น อีกทั้งกำลังผลิตในส่วนแรกได้เดินเครื่องเต็มตั้งแต่ปี 2546
" การเพิ่มกำลังการผลิตเราไม่ได้มองส่วนแบ่งตลาด เพราะขณะนี้ข้อมูลในตลาดไม่สมบูรณ์ แต่เราต้องการเป็นผู้นำซึ่งหากสามารถเจาะตลาดผนังมาใช้ยิบซั่มได้ ก็น่าจะโอเค เพราะเราต้องการเน้นตลาดภายในประเทศมากกว่าที่จะมุ่งส่งออก แต่บางส่วนก็จะมีการส่งออกไปยังประเทศที่ยังไม่เข้าไปทำตลาดได้ " กรรมการผู้จัดการกล่าว
นายพอล แอนโทนี แมคเครย์ ผู้อำนวยการสายงานการเงิน บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน)( TGP)เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 มีกำไรสุทธิ 477.18 ล้านบาท ลดลง เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 มีกำไรสุทธิ513.84 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อรายได้มาจาก รายได้จากการขายและการให้บริการของบริษัทฯ 2,051.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.04 % (313.42 ล้านบาท) เนื่องจาก ปริมาณขายแผ่นยิบซั่มเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้น 36.72 ล้านบาท จากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารผลิตภัณฑ์และพัฒนาการตลาดเพิ่มขึ้น
บริษัทฯมีภาระดอกเบี้ยรับเกิดจากเงินสดสุทธิคงเหลือ และไม่มีดอกเบี้ยจ่าย เนื่อง จาก บริษัทได้ขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และกำไรในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม เพิ่มขึ้น 9.38 ล้านบาท จากปีก่อน เกิดจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทร่วมแห่งหนึ่ง
ด้านนักวิเคราะห์ นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด กล่าวว่าสาเหตุผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของTGP อาจต้องการออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยไม่มีการติดขัดใดๆ จึงเสนอราคาที่ค่อนข้างจูงใจสำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อย เมื่อเทียบกับราคามูลค่าทางบัญชี (BV) และราคาในกระดาน
" ที่ผ่านมาก็มีข่าวมานานแล้ว เรื่องจะออกจากตลาด เพราะถูกเทคโอเวอร์ พอมาถึงตอนนี้ก็เลยไม่ค่อนน่าแปลกใจ ส่วนสาเหตุผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TGP เป็นฝรั่ง อาจจะอยากให้ดีลจบแบบราบรื่น ไม่มีอุปสรรค ถึงยอมให้ราคาสูงถึง 7 บาท และสัดส่วนหุ้นที่ต้องการมีอีกไม่มาก ซึ่งก็คงใช้เงินไม่เยอะเท่าไหร่ และทางบริษัทฯน่าจะมีเงินอยู่แล้ว "
ทั้งนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TGP ที่รายงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวน 748 ล้านหุ้น หรือ 74.8 ล้านหุ้น เหลือหุ้นอีก 252 ล้านหุ้น หากจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นจำนวนดังกล่าว ต้องใช้เงินประมาณ 1,764 ล้านบาท