คอลัมน์ “Final Whistle" โดย "ผู้เล่นคนที่ 12"
“ก้อง-สมเกียรติ” จารึกประวัติศาสตร์ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกที่ขยับขึ้นสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ฤดูกาล 2025 ร่วมกับสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ในรุ่น “พรีเมียร์คลาส” ซึ่งเป็นคลาสสูงสุดของโลก
เส้นทางสุดท้าทายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะนี่คือ “โมโตจีพี” เวทีที่หินที่สุดของโลก การแข่งขันที่รวมนักบิดที่เก่งที่สุดของโลกเอาไว้ 22 คน
“ก้อง-สมเกียรติ” ต้องลงแข่งในสนามเดียวกันกับสุดยอดแชมป์โลกอย่าง มาร์ค มาร์เกซ, ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า, ฮอร์เก มาร์ติน, โจอัน เมียร์ และอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของโลกทั้งนั้น ซึ่งตลอด 5 สนามแรกใน โมโตจีพี “ก้อง-สมเกียรติ” โดนอาการบาดเจ็บประจำตัวนักบิดอย่าง “อาร์มปั๊มป์” รบกวน ก่อนจะต้องเข้ารับผ่าตัดเพื่อรักษาให้หายขาด
ในที่สุดแต้มแรกที่รอคอยก็มาถึง “ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับผลงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะบิดเข้าป้ายอันดับ 15 ในศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ คว้าแต้มแรกในประวัติศาสตร์ให้กับชาวไทยได้สำเร็จ
ทว่านักบิดไทยกลับโชคร้ายอีกครั้ง ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่เอ็นเข่าขวา จากการทุ่มเทซ้อมหนัก พลาดล้มขณะฝึกซ้อมรถแข่งโมโตครอส ส่งผลให้ไม่สามารถลงแข่งได้ถึง 4 สนามติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับหายกลับสู่สนามได้อีกครั้งช่วง 8 สนามสุดท้าย “ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับผลงานของตัวเองได้ทีละขั้น ทำเวลาต่อรอบขยับเข้าหากลุ่มได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ก่อนจะกลับคว้าแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าอันดับ 15 ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี, ต่อด้วยอันดับ 15 ในประเทศญี่ปุ่น และ อันดับ 13 ที่ อินโดนีเซีย จากนั้นก็มาคว้าอันดับ 15 ให้ตัวเองที่ มาเลเซีย
จบฤดูกาลแรกในฐานะรุกกี้ “ก้อง-สมเกียรติ” ฝากผลงานด้วยการคว้า 7 แต้มมาฝากชาวไทย นี่คือแต้มแห่งความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ แม้จะได้รับโอกาสเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
ทว่าเส้นทางของ “ก้อง-สมเกียรติ” ในการแข่งขันระดับโลกยังไม่จบลง เขายังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
โดยในฤดูกาล 2026 “ก้อง-สมเกียรติ” ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก ฮอนด้า ด้วยการดึงเข้าร่วมทีมโรงงานเพื่อลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ กับสังกัด ฮอนด้า เอชอาร์ซี
โครงการนี้ของ ฮอนด้า มีความสำคัญอย่างมาก เพราะนี่คือการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของรถแข่ง Honda CBR1000 RR-R ในเวทีสูงสุดของโลก
ที่ผ่านมา ฮอนด้า ทุ่มเทอย่างหนักกับโปรเจ็กต์นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวสู่ชัยชนะได้ ฉะนั้น “ก้อง-สมเกียรติ” และว่าที่ทีมเมทอย่าง เจค ดิ๊กสัน จึงกลายเป็นความหวังใหม่ของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในทีม เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยการเปลี่ยนทีมบริหารชุดใหญ่ รวมถึงทีมทดสอบที่ดึงตัวแชมป์โลก 6 สมัยอย่าง โจนาธาน เรีย เข้ามาเป็นนักบิดทดสอบของทีม
นี่คือการส่งสัญญาณว่า ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะทวงความสำเร็จใน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ให้ได้ และ “ก้อง-สมเกียรติ” ก็คือหนึ่งใน “คีย์แมน” ของพวกเขา
แม้เส้นทางของ “ก้อง-สมเกียรติ” กับ โมโตจีพี จะสิ้นสุดลงในปี 2025 แต่การเดินทางของเขาในเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลกยังไม่สิ้นสุด
เราจะได้เห็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ลงแข่งขันในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาล และที่สำคัญคือการได้ร่วมสังกัดทีมโรงงานของ “ฮอนด้า เอชอาร์ซี” ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทีมใด
ฉะนั้น นี่คือความหวังใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ที่มี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เป็นผู้ขีดเขียนบนหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง


