คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"
เสร็จสิ้นลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกใหญ่ส่งท้ายปี 2025 "ONE 173" ที่ อาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยคู่เอก ซุปเปอร์บอน กำปั้นจอมเก๋าวัย 35 ปี เอาชนะคะแนน มาซาอากิ โนอิริ ไปแบบเหนือชั้น ป้องกันเข็มขัดคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต เอาไว้ได้
ศึก ONE 173 ถือเป็นการลงตลาดในแดนปลาดิบอย่างต่อเนื่องเป็นไฟต์ที่ 2 ติดต่อกันในปี 2025 หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงกับการคัมแบ็คญี่ปุ่นในรอบหลายปี กับศึก ONE 165 เมื่อช่วงต้นปี 2024 ที่ญี่ปุ่น
แน่นอนว่าในมุมของนักธุรกิจ ที่ไหนที่เอาของไปขายแล้วได้กำไรงามๆ ก็ย่อมอยากจะกลับไปขายที่นั่นเรื่อยๆ ซึ่งแดนอาทิตย์อุทัย ถือว่าตอบโจทย์ ONE เป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของเสียงตอบรับจากแฟนๆ และบรรดาสปอนเซอร์ที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย
ย้อนกลับไปในศึก ONE 172 เมื่อช่วงต้นปี 2025 มีการเปิดเผยยอดขายตั๋วที่ Sold Out หมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาไม่กี่วันหลังจากเปิดจำหน่าย ฟันเงินตีเป็นเลขกลมๆ 300 ล้านเยน หรือราว 70 ล้านบาท โดยทำการเปิดขายเพียงแค่ 15,000 ที่นั่ง ของ อาริอาเกะ อารีนา
ยอดดังกล่าวไม่รวมรายได้จาก เปย์เปอร์วิว และสปอนเซอร์ ที่แห่เข้ามาสนับสนุนองค์กรระดับโลกแห่งนี้อย่างคึกคัก โดยคู่เอก เป็นการดวลกันระหว่าง ทาเครุ เซกาวา ซุปตาร์ขวัญใจเจ้าถิ่น กับ รถถัง จิตรเมืองนนท์ หนึ่งในนักชกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของไทย
ไฟต์ดังกล่าว ทาเครุ รับค่าตัวไปเหนาะๆ ราว 25 ล้านบาท ส่วน รถถัง จิตรเมืองนนท์ ได้ค่าตัวไปสูงถึง 15 ล้านบาท เรียกได้ว่าสูงกว่ายอดปกติที่ ONE จ่ายให้ที่ 10 ล้านบาท เสียอีก เนื่องจากเขาได้ชกเป็นคู่เอก แถมองค์กรยังได้กำไรงามๆ ในการจัดครั้งนี้
เช่นเดียวกับ ONE 173 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม เผลอๆ อาจจะดีกว่าไฟต์ใหญ่ช่วงต้นปีด้วยซ้ำ เพราะตั๋วที่นั่งแบบ VVIP และ VIP ขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดไฟต์การด์มาแค่ 5 คู่ เท่านั้น
ซึ่งดูเหมือนว่ารอบนี้่ทาง ONE จะเปิดขายบัตรในอาริอาเกะ อารีนา แบบเต็มจำนวน คือราว 40,000 ที่นั่งแบบเต็มความจุจริงๆ ของสถานที่จัดการแข่งขัน ต่างกับศึกใหญ่เมื่อหนก่อนที่เปิดขายเพียงแค่ 15,000 ที่นั่ง
โดย ชาตรี ศิษย์ยอดธง ก็ไม่รอช้า ประกาศกลางศึก ONE 173 ที่ผ่านมา ระบุว่าศึกใหญ่ ONE 175 ในปีหน้า จะจัดที่ อาริอาเกะ อารีนา อีกครั้ง ในช่วงเดือนเมษายน 2026 เป็นการตอกย้ำว่าการยกพลมาจัดการแข่งขันที่ ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ตัดกลับมาที่โลกโซเชียลของแฟนๆ ชาวไทย มีหลายคนสงสัย และตั้งคำถามว่าทำไม ONE ช่วงหลัง ถึงชอบเอาศึกใหญ่ไปจัดที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนที่เกริ่นไปในช่วงต้น ว่า ในมุมมองของนักธุรกิจ ที่ใดที่ทำกำไรได้เยอะ ก็ย่อมอยากจะไปขายของที่นั่นอยู่เรื่อยๆ
ศึกใหญ่ของ ONE ก็เคยยกพลมาจัดกันที่ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี เอาเมื่อเร็วๆ นี้ ก็คือ ONE 170 ที่คู่เอก ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยฯ ชนะน็อก ซุปเปอร์บอน แม้ผิวเผินอาจมองว่ากระแสแฟนๆ ชาวไทย ก็ดูดีไม่แพ้ญี่ปุ่น แต่กลับทำเงินให้ ONE ได้เพียงน้อยนิด
ไฟต์ดังกล่าวได้เงินจากการขายบัตรเพียงแค่ราว 5 ล้านบาท แม้จะขายตั๋วหมดไม่ต่างจากไฟต์ที่ญี่ปุ่น แต่ตัวเลขในการทำกำไรนั้นต่างกันลิบลับ แถมไฟต์นั้นยังไม่มีการขาย เปย์เปอร์วิว ทำให้ขาดรายได้ตรงนี้ไป และที่สำคัญก็อย่าลืมว่าธรรมชาติของแฟนมวยชาวไทย มักอยากได้ "ของฟรี" มากกว่าการจ่ายเงิน
จริงอยู่ที่ศึกใหญ่ที่จัดในไทย มักจะมีแฟนๆ เข้าไปเชียร์กันเต็มสนาม แต่ที่เห็นว่าเต็มสนามนั้น บัตรแจก บัตรฟรี ก็เยอะเหมือนกัน ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมศึกใหญ่มักไม่ค่อยอยากจะมาจัดที่เมืองไทย คือถ้าไม่ติดว่า ชาตรี ศิษย์ยอดธง เป็นลูกครึ่งไทย และเขาก็รักเมืองไทย อีเวนต์ระดับโลกแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นที่นี่ เพราะจัดไปก็มีแต่เข้าเนื้อ
แฟนกีฬาที่ญี่ปุ่น พร้อมสนับสนุนรายการอย่างเต็มที่ ไม่ว่าองค์กรใดก็ตามไปจัดการแข่งขัน บัตรแจกบัตรฟรีน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เข้ามาชมในสนามคือซื้อบัตรกันเองหมด ยิ่งถ้ามีนักชกชาวญี่ปุ่นทำการแข่งขันหลายคู่ คนก็ยิ่งอยากเข้าไปชมมากยิ่งขึ้น
คือถ้าคนไทย อยากเห็นศึกใหญ่ระดับโลกแบบนี้มาจัดที่ไทยบ่อยๆ คงต้องเลิกนิสัยขอดูฟรีกันให้ได้ก่อน ลำพังแค่ ONE เรียกเก็บ เปย์เปอร์วิว ในไทย ราคาแค่เพียงหยิบมือ คือ 250 บาท แลกกับการได้ดูมวยชั้นนำมากถึง 14-15 คู่ ยังบ่นเช้าบ่นเย็นกันขนาดนี้ ผู้จัดก็มีแต่จะส่ายหัวว่าไม่เอาดีกว่า ต่างชาติเขาเสียค่า PPV กันเป็นหลักพัน เขาแทบไม่บ่นกันเลย


