นอร์เวย์ เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกตั้งแต่ปี 1998 หลังเอาชนะ อิตาลี ขาดลอย 4-1 รอบคัดเลือกโซนยุโรป ที่สนามซาน ซิโร วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน
เออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงความหวัง เหมา 2 ประตู ภายในเวลาห่างกันไม่ถึง 1 นาที ส่งผลให้ นอร์เวย์ คว้าอันดับ 1 ของกลุ่ม I ด้วยสถิติชนะรวด 8 เกม มี 24 คะแนนเต็ม
เกมนี้ นอร์เวย์ ต้องแพ้ด้วยผลต่างสกอร์อย่างน้อย 9 ลูก จึงจะเสียสิทธิ์เข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก แบบอัตโนมัติแก่ อิตาลี
ปิโอ เอสโปซิโต ยิงประตูขึ้นนำแก่ อิตาลี 1-0 ตั้งแต่นาที 11 ทว่านับตั้งแต่ อันโตนิโอ นูซา ตามตีเสมอนาที 63 ดูเหมือนมีเพียงทีมเดียวสมควรเป็นผู้ชนะ โดย ฮาแลนด์ บวกเพิ่มนาที 78 กับ 79 และ ยอร์เกน สแตรนด์ ลาร์เซน ยิงปิดท้ายนาที 90+3
อิตาลี แชมป์โลก 4 สมัย ต้องเล่นเพลย์ออฟ เดือนมีนาคม 2026 หลังจบอันดับ 2 ของกลุ่ม คะแนนตามหลัง นอร์เวย์ 6 แต้ม โดยปราชัยแก่ทีมของ สตาเล โซลบักเคน แบบไป-กลับ ท่ามกลางกองเชียร์ที่เหลืออยู่จนจบเกมแบบบางตา
ด้าน โปรตุเกส เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 หลังถล่ม อาร์เมเนีย ขาดลอย 9-1 ที่สนามเอสตาดิโอ โด ดราเกา เมืองปอร์โต การันตีจ่าฝูงกลุ่ม F หลังสะดุด 2 เกมก่อน เสมอ ฮังการี และ แพ้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์
โปรตุเกส แชมป์ยูโร 2016 ขาด คริสเตียโน โรนัลโด้ กัปตันทีม ติดแบน แต่ได้ บรูโน เฟร์นันด์ส กับ เจา เนเวส ซัดแฮตทริก ขณะที่ เรนาโต เวกา, กอนซาโล รามอส และ ฟรานเชสโก คอนไซเซา ยิงคนละ 1 ประตู
โปรตุเกส ตีตั๋วฟุตบอลโลกสมัยที่ 7 ติดต่อกัน แต่ยังไม่เคยคว้าแชมป์ โดยสถิติดีสุด คือ อันดับ 3 เมื่อปี 1966 ที่ประเทศอังกฤษ


