คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"
หลังผ่านศึกใหญ่ไตรมาส 3 ONE ลุมพินี 126 เมื่อค่ำคืนวันที่ 26 กันยายน 2568 มีหากหลายเหตุการณ์สุดดราม่าให้มานั่งถกเถียงกันอีกเช่นเคย ทั้งการเตะผ่าหมากคู่แข่งของ นาบิล อานาน จนไม่มีผลการตัดสิน หรือการที่ ปตท. เอาชนะคู่แข่งแบบค้านสายตาของแฟนมวยบางส่วน เป็นต้น
แต่นอกเหนือจากดราม่าทั้งหลายแล้วนั้น ลองมามองการแจกโบนัสของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานวัน แชมเปียนชิพ ซึ่งดูแล้วน่าตื้นตันใจแทนนักมวย จึงเลยรวบรวมข้อมูลจากทีมงานของ ONE มาแบ่งปันข้อมูลให้แฟนๆ ได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน 33 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ศึก ONE ลุมพินี ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2566
นับตั้งแต่วันแรกของศึก ONE ลุมพินี (20 ม.ค.2566) จนถึงวันนี้ "โบนัสบอสชาตรี" ถูกแจกไปแล้วกว่า 345 ล้านบาท กระจายสู่มือนักกีฬาหลายร้อยชีวิตใน 155 อีเวนต์ นับเฉพาะอีเวนต์ที่จัดในประเทศ
แบ่งเป็น ศึก ONE ลุมพินี ที่จัดเป็นประจำ ณ เวทีมวยลุมพินี รามอินทรา ทั้งหมด 126 อีเวนต์, ต่อด้วย ศึก ONE Fight Night ที่จัดขึ้น ณ เวทีมวยลุมพินี เช่นกัน อีก 26 อีเวนต์ รวมไปถึงศึก ONE (ตัวเลข) อีก 3 อีเวนต์
"โบนัสบอสชาตรี" ถือเป็นเงินอัดฉีดพิเศษ ที่ไม่ได้ระบุในสัญญา ไม่มีข้อผูกมัด แต่ให้ด้วยเจตนาที่ดี เพื่อให้นักกีฬาได้ปลดเปลื้องความทุกข์ หนี้สิน โดยกลับมามีความหวังในชีวิต และมีแรงบันดาลใจที่จะต่อสู้บนเส้นทางอาชีพ
มีนักกีฬาหลายคนที่แทบจะเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยโบนัสของ "บอสชาตรี" อาทิ เสกสรร อ.ขวัญเมือง ที่ตลอดการชกอาชีพ 20 กว่าปี เงินแทบไม่เหลือเก็บ แต่มาขึ้นชกใน ONE ลุมพินี แค่ 3 ปี ตอนนี้มีเงินเก็บหลักล้าน หรืออีกหลายๆ คน ที่ปลดหนี้ และสร้างครอบครัวได้ จากโบนัสก้อนนี้
เกณฑ์สำคัญที่ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ใช้พิจารณาให้โบนัสคือ นักกีฬาต้องมีใจปิดเกม เป้าหมายไม่ใช่การเก็บคะแนนแต่คือการหยุดคู่ต่อสู้ให้ได้ โดยต้องใช้ศิลปะการต่อสู้ได้อย่างสวยงาม และมีประสิทธิภาพ
นอกจาก "โบนัสบอสชาตรี" แล้ว ONE ลุมพินี ยังยกระดับค่าตัวให้นักกีฬา จากเดิมนักมวยหลายคนได้ค่าตัวแค่หลักหมื่นต้นๆ ไหนจะถูกค่ายหักอีก บ้างก็หักเยอะ บ้างก็หักน้อย ต้องชกอย่างต่ำๆ ก็ 3-4 เดือนกว่าจะได้เงินเท่ากับที่ชกใน ONE ลุมพินี เพียงไฟต์เดียว
เปรียบเสมือนการได้ทำงานน้อยลง ร่างกายได้พัก ได้เงินมากขึ้น แถมมีเวลาให้ครอบครัวได้อีกด้วย ไม่ต้องชกถี่ๆ ทุกเดือน 3-5 เดือน อาจมีไฟต์ให้ชกสักครั้ง แต่ค่าตัวที่ได้รับนั้นมากกว่าแต่ก่อนที่พวกเขาชกแทบทุกเดือนด้วยซ้ำ
แต่ที่หลายคนยังไม่ทราบ คือยังมี "โบนัสปิดเกม" เพิ่มต่างหากจากค่าตัว นั่นหมายความว่า หากนักกีฬาปิดเกมได้ จะได้โบนัสก้อนนี้โดยอัตโนมัติตามที่ระบุในสัญญา
จะเรียกได้ว่านี่คือ “ยุคทองของนักมวยไทย” จากวันที่เคยถูกเรียกว่า “หมาล่าเนื้อ” วันนี้นักมวยมีฐานะ มีหน้าตาทางสังคม กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เดินไปที่ไหนก็มีแต่คนขอถ่ายรูป หลายคนกลายเป็นที่รู้จักบนท้องถนนเพียงแค่เดินผ่าน
สิ่งที่ ONE ทำอยู่ ไม่ใช่แค่ยกระดับรายได้ แต่คือการยกระดับศักดิ์ศรี ของนักกีฬา ให้เปรียบเสมือน “ฮีโร่” ของสังคม ประเทศชาติ และทั่วโลก ตอนนี้ถึงเวลานับถอยหลังอีก 3 เดือนก่อนสิ้นปี 2568 มาดูกันว่า “โบนัสบอสชาตรี” จะเปลี่ยนชีวิตนักมวยได้อีกมากน้อยแค่ไหน