คอลัมน์ “Final Whistle" โดย "ผู้เล่นคนที่ 12"
หนึ่งในสโมสร พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดทีมหนึ่งคือ เอฟเวอร์ตัน ไล่ตั้งแต่แต่งตั้ง เดวิด มอยส์ คุมทัพคำรบ 2 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนนั้นอยู่เหนือโซนแดงแต้มเดียว ก่อนที่จะจบฤดูกาล 2024-25 ด้วยอันดับ 13
แถมซัมเมอร์ที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน ยังเสริมทัพด้วยเงินรวมไปถึง 96.9 ล้านปอนด์ ตามด้วยย้ายสนามจาก กูดิสัน ปาร์ค ไปที่ ฮิลล์ ดิ๊กกินสัน สเตเดี้ยม ตลอดจนถึงการเข้ามาของเจ้าของทีมใหม่อย่าง เดอะ ฟรีดกิน กรุ๊ป ภายใต้การนำของนักธุรกิจชาวอเมริกัน
ซัมเมอร์ที่ผ่านมา มอยส์ แทบจะยกเครื่องทีมใหม่จากการจากไปของผู้เล่นชุดใหญ่ 9 คน รวมถึงผู้เล่นตัวจริงอย่าง อับดูลาย ดูคูเร, โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน, แจ็ค แฮร์ริสัน และ แอชลีย์ ยัง
จากนั้น เอฟเวอร์ตัน ได้เซ็นสัญญากับผู้เล่น 9 คนด้วยค่าตัว 97 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสุทธิสูงสุดในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนของทีม ตัวเลขนี้สูงกว่าฤดูกาลใดๆ ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของสโมสรอย่างมาก และยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเซ็นสัญญากับผู้เล่นใหม่เพิ่มเติมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมอีกด้วย
ซึ่งอย่าลืมว่า เอฟเวอร์ตัน เคยถูกตัดแต้มจากการละเมิดกฎข้อบังคับกำไรและความยั่งยืน PSR ((Profitability and Sustainability Rules หรือ กฎกำไรและความยั่งยืน) ) รวมถึงสามารถรอดพ้นจากการตกชั้นในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2022-23
อย่างแรกเลยหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมซัมเมอร์ที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน ถึงจ่ายเงินเสริมทัพได้อย่างมากมาย โดยแนวโน้มทางการเงินของทีมดีขึ้นจากปัจจัยหลายประการรวมกัน ย้อนไปดูการใช้จ่ายระหว่างเดือนมกราคมปี 2021 ถึงมกราคมปี 2025 แทบไม่มีเลย ดังนั้นสโมสรจึงทำกำไรได้ราว 86 ล้านปอนด์จากการขายนักเตะเพื่อช่วยปรับสมดุลบัญชี
นอกจากนี้การเข้ามาซื้อกิจการโดย เดอะ ฟรีดกิน กรุ๊ป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยหนี้สินก้อนโตของ เอฟเวอร์ตัน ถูกแปลงเป็นทุน ชำระคืน หรือรีไฟแนนซ์ในเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้น
ที่สำคัญการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ส่วนใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้เสร็จสิ้นหลังจากสิ้นสุดปีงบประมาณของ พรีเมียร์ ลีก ในวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งช่วยในการจัดการการคำนวณ PSR ในอนาคตได้ดีเยี่ยม
มิหนำซ้ำรายได้ในอนาคตมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกจากตั๋วเข้าสนาม ฮิลล์ ดิ๊กกินสัน สเตเดี้ยม ซึ่งมีความจุ 52,769 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 13,000 ที่นั่งที่ กูดิสัน ปาร์ค
ซัมเมอร์นี้ เอฟเวอร์ตัน ยังได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 9 ปีที่ ฟาร์ฮัด โมชิรี เป็นเจ้าของสโมสร มีนักเตะ 8 คนที่เซ็นสัญญาด้วยค่าตัวอย่างน้อย 20 ล้านปอนด์ แต่กลับล้มเหลว ซึ่งหมายความว่าค่าตัวทั้งหมดนั้นแทบจะหายไปจากทีม ซึ่งเป็นรูปแบบทางเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืนสำหรับสโมสรที่มีทรัพยากรจำกัด
ส่วนดีลที่ดีที่สุดในช่วงซัมเมอร์คือการยืม แจ็ค กรีลิช ตัวปั้นเกมมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยแข้งประสบการณ์สูงทีมชาติอังกฤษรายนี้ทำ 2 แอสซิสต์ในการลงเล่นเป็นตัวจริงใน พรีเมียร์ ลีก 2 ครั้งให้กับ เอฟเวอร์ตัน
ขณะเดียวกัน เคียร์แนน ดิวส์บิวรี-ฮอลล์ นักเตะใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 24 ล้านปอนด์ สร้างโอกาสเฉลี่ยต่อเกมมากกว่าผู้เล่น เอฟเวอร์ตัน คนใดนับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลที่แล้ว ส่วน เธียร์โน แบร์รี กองหน้าดาวรุ่งจาก บียาร์เรอัล ย้ายมาด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ก็ต้องลุ้นผลงานกันยาวๆ ว่าคุ้มค่าเม็ดเงินหรือไม่
ไทเลอร์ ดิบลิง ดาวรุ่งคนใหม่วัย 19 ปีที่ค่าตัวอาจสูงถึง 40 ล้านปอนด์ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระยะยาว หลังจากปีที่แล้วเล่นให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน อย่างโดดเด่น แม้ไม่อาจช่วยทีมจากการตกชั้นได้ก็ตาม
ถือเป็นฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นสำหรับสาวก "เอฟเวอร์โตเนียน" ภายใต้การคุมทัพของ มอยส ซึ่งก็ออกสตาร์ท 5 นัดมี 7 แต้ม แม้จะไม่หรูหรานัก แต่ทีมดูเล่นเหนียวแน่นเป็นระบบไม่เสียประตูง่ายแบบที่ผ่านๆ มา ส่วนการจะทำอันดับได้ดีแค่ไหนก็ยากหน่อยต้องดูกันยาวๆ ด้านจะหวังถึงแชมป์แรกนับตั้งแต่ถ้วย เอฟเอ คัพ ปี 1995 ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว