คอลัมน์ “Final Whistle" โดย "ผู้เล่นคนที่ 12"
ย้อนไปปี 2023 หรือ 2 ปีก่อนครั้งที่ กัมพูชา รับหน้าเสื่อ ซีเกมส์ ซึ่งก็ได้สร้างความบาดหมางขึ้นเมื่ออ้างว่า "มวยไทย" พัฒนามาจาก "กุน ขแมร์" อันเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของตน
ดังนั้นเจ้าภาพจึงจัดการเปลี่ยนชื่อเป็น "กุน ขแมร์" บรรจุแข่งขัน โดยมีอีก 5 ชาติร่วมชิงชัยด้วยเกินเกณฑ์สามารถจัดได้ของธรรมนูญของสหพันธ์ซีเกมส์คือ เวียดนาม ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย ซึ่งก็ตามคาด กัมพูชา โกยไปถึง 14 เหรียญทอง ส่วนไทยก็เบนเข็มไปแข่งมวยสากลสมัครเล่นแทน
แน่นอนว่าถือเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตระดับประเทศโดยที่ กัมพูชา ไม่สนว่าก่อนหน้านี้ตนจะมีนักมวยทำมาหากินอยู่ที่ไทย จากประเด็น "กุน ขแมร์" นั้นทำให้ทุกคนถูกแบนห้ามขึ้นเวทีที่ไทย จนต้องย้ายกลับบ้านเกิดเลยทีเดียว
มาถึง ซีเกมส์ 2025 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้ ดูเหมือนความไม่พอใจจะทวีคูณเนื่องจากมีการเสียเลือดเสียเนื้อของทหารรวมถึงพลเรือนของไทยจากการที่ กัมพูชา ยิงจรวดเข้ามาก่อน
ทำให้มีการพูดถึงเรื่องแบน กัมพูชา ไม่ให้มาแข่ง ซีเกมส์ เรื่องนี้ ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานมนตรีซีเกมส์ ออกมาเผยให้คลายสงสัยว่าไทยไม่มีสิทธิ์เเบนชาติใดก็ตามจากการเเข่งขันเพราะมีกฏอยู่ เเม้ไทยจะเป็นเจ้าภาพ เเต่ไม่มีสิทธิ์ห้ามชาติสมาชิกเข้าร่วมเเข่งขันภายใต้กฏบัตรโอลิมปิก จะต้องเป็นกลางทางการเมือง จะนำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวกับการเเข่งขันกีฬาไม่ได้ ยึดหลักความเป็นกลาง มุมกีฬา กัมพูชา ยังเป็นสมาชิกก็จะไม่มีบทลงโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่สื่อดังของกัมพูชาอย่าง The Phnom Penh Post รายงานว่า ประเทศยังคงเดินหน้าเก็บตัวและเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อเข้าร่วมมหกรรมกีฬาแห่งอาเซียน “ซีเกมส์ ครั้งที่ 33” ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยปลายปีนี้แน่นอน
ฝ่ายกีฬากัมพูชายืนยันว่า นักกีฬาทั้งหมดกว่า 1,500 คนจากหลากหลายประเภทกีฬา ยังคงอยู่ในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อม และไม่มีแผนถอนตัวจากการแข่งขัน โดยแสดงจุดยืนชัดเจนว่า “กีฬาไม่ควรถูกแทรกแซงด้วยการเมือง”
ไทยไม่ได้ไปแทรกแซงเรื่องการเมืองและไม่ได้จะยกเหตุผลเรื่องการเมืองมาแบน กัมพูชา จากซีเกมส์ เพราะถือเป็นมารยาทสากลทั่วโลกที่องค์กีฬากีฬาต่างๆ จะไม่นำการเมืองเข้ามาเกี่ยวเด็ดขาด แต่การที่นักกีฬากัมพูชาเดินทางมาไทยก็อดเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยไม่ได้จริงๆ
เช่นเดียวกับ อินโดนีเซีย ยังไม่ยืนยันการเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ โดย อาริโอ บิโม นันดิโต หรือ “อาริโอเทดโจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬาของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯ และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติอินโดนีเซีย (NOC) กำลังจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด “ความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เรายังไม่สามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้จนกว่าสถานการณ์จะชัดเจน”
แม้จะยังไม่ฟันธงเรื่องการส่งนักกีฬาเข้าร่วม แต่การเตรียมความพร้อมในประเทศอินโดนีเซียยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอลุ้นการตัดสินใจในโค้งสุดท้ายของรัฐมนตรีกีฬาของอินโดนีเซีย
ไทยในฐานะเจ้าภาพก็ยินดีต้อนรับนักกีฬาจากกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าอารมณ์ร่วมในโลกโซเชียลนั้นรุนแรงไม่น้อย เพราะตอนนี้ก็มีนักกีฬาทางฝั่งของ กัมพูชา ออกมาโพสต์ยั่วยุอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
กระนั้นก็ตามขอมองโลกในแง่ดีเพราะยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนเต็มๆ กว่า ซีเกมส์ 2025 จะเปิดฉากขึ้นที่ไทยในเดือนธันวาคมนี้ ถึงตอนนั้นก็หวังว่าสถานการณ์สู้รบของทั้งสองฝ่ายนั้นจะคลี่คลายแล้ว