คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"
ในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนหมัดมวยในโลกโซเชียล มักจะเห็นบางเพจที่นำเสนอเรื่องราวที่อาจดูไม่ดีเท่าไหร่นักของ ONE ภายใต้การบริหารงานของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง บ้างก็ว่าองค์กรแห่งนี้ขาดทุนมาติดต่อกันหลายปี และไม่มีแนวโน้มจะได้กำไร รวมไปถึงการชอบดองนักกีฬา MMA แทบไม่มีไฟต์ให้ได้ขึ้นชก
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ตัวของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ด้วยความที่ภาษาไทยอาจจะยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เวลาที่ตอบคำถามกับสื่อมวลชนชาวไทยก็อาจจะดูฮาร์ดคอไปบ้างในบางเรื่อง ก็อาจทำให้องค์กรอื่นๆ นั้น "หมั่นไส้" อยู่บ้าง
เช่น "บอสชาตรี" เคยบอกว่า ONE คือองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ดียิ่งกว่า RIZIN และ K-1 ซึ่งถ้าวัดจากมูลค่าหลายๆ อย่าง ความจริงก็อาจจะใช่ แต่ประธาน ซีอีโอ และผู้ก่อตั้งองค์กรแห่งนี้ อาจเลือกใช้ภาษาไทยที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ จากการออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นของ ชาตรี ก็ทำให้ผู้บริหารของ RIZIN ออกมาตอบโต้อย่างทันควัน
หรืออย่าง K-1 ที่อดีตผู้บริหารออกมาสาดสีใส่ ONE แบบเละตุ้มเป๊ะว่าแย่แบบนั้น แย่แบบนี้ จน ทาเครุ เซกาวา อดีตซูเปอร์สตาร์ของ K-1 อดรนทนไม่ได้ จากปกติที่เป็นคนเงียบๆ ไม่เคยว่าร้ายใคร ก็ได้ออกมาปกป้อง ONE อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น เขาต้องต่อยทัวร์นาเมนต์ 3 ไฟต์ในวันเดียว แต่ได้ค่าตัวแค่ไฟต์เดียว, บาดเจ็บหนัก แต่ต้องควักเงินตัวเองจ่ายค่ารักษา, ค่าย K-1 ไม่เคยออกค่าที่พักก่อนแข่งให้แก่เขา, สัญญาต่ออายุอัตโนมัติ ถอนตัวยาก แถมค่าปรับมหาศาล แถมหมดสัญญา ยังโดนแช่แข็งอีก 6 เดือน ห้ามเซ็นกับใคร
กลับกันทาง ONE นั้น แทบจะดูแลนักมวยชนิดที่เรียกได้ว่าเหมือนลูกในไส้ ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการขึ้นชก ก็ดูแลค่าใช้จ่ายให้จนหายดี จ่ายค่าตัวแบบไฟต์ต่อไฟต์ ไม่ใช่แบบทัวร์นาเมนต์ คือถ้าคุณต่อย 3 ไฟต์ คุณก็ได้รับค่าตัว 3 ไฟต์ หรือในเรื่องสัญญาก็ระบุชัดเจนว่าภายใน 1-3 ปี จะได้ขึ้นชกประมาณกี่ไฟต์ รวมไปถึงที่พักก่อนขึ้นชก ก็มีโรงแรมให้ไปเก็บตัว
"ผมมาชกกับ ONE ถึงได้รู้ว่านี่แหละ คือการดูแลนักกีฬาที่แท้จริง ใครอยากวิจารณ์ ONE ก็ควรไปคุยกับผู้บริหาร ไม่ใช่โพสต์โหนกระแสบนโซเชียล" ทาเครุ กล่าว
ส่วนอีกเรื่องที่ ONE กำลังโดนฝั่ง "แอนตี้" โจมตีอย่างหนัก คือเรื่องของการทำธุรกิจและขาดทุน โดยเรื่องนี้ส่วนใหญ่มักจะออกมาจากแฟนเพจของ UFC เมืองไทย รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ดูจะไม่ค่อยชอบ ONE เท่าไหร่
เรื่องที่ว่าขาดทุนนั้นทาง ONE เอง ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะการทำธุรกิจแบบ "สตาร์ทอัพ" เรื่องของการขาดทุนคือเรื่องธรรมดา ยกตัวอย่าง Flash Express ที่กำลังได้รับชื่อเสียงโด่งดังจากการทำซีรีส์จากค่าย GDH ก็ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง กว่าจะมีกำไรก็ผ่านไป 6-7 ปีแล้ว
หรือ Tesla เดินในเส้นทางที่ขาดทุนมานับ 10 ปี เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมไปถึง Uber ก็ยังขาดทุนต่อเนื่องนานถึง 14 ปี และขาดทุนสะสมมากกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นแอปพลิเคชั่นเรียกรถพยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา
ทาง ONE เองนั้น มีรายงานว่าพวกเขาขาดทุนสะสมตอนนี้ราวๆ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องการขาดทุนนี้มีรายงานมาอย่างต่อเนื่องหลายปี แต่ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ก็ยังสามารถประคับประคองให้องค์กรนี้อยู่รอดต่อไปได้ และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย
แน่นอนว่าปัจจุบัน ONE กำลังสร้างระบบนิเวศใหม่ในวงการมวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง ให้ไปไกลในระดับโลก ซึ่งก็แน่นอนว่า MMA อาจไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะแฟนคลับของ ONE อยู่ทางฝั่งเอเชียมากกว่า ก็อาจจะไม่ค่อยชอบ และไม่ได้ผูกพันกับศิลปะการต่อสู้แบบผสมเท่ากับ มวยไทย หรือคิกบ็อกซิ่ง
เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังเป็นข่วงมรสุมของ ONE ที่โดนองค์กรจากฝั่งตรงข้ามเล่นงาน และใช้ข่าวเสียๆ หายๆ เข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ดูแล้วเรื่องแบบนี้คงทำอะไร ชาตรี ไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องพวกนี้ทำอะไรองค์กรแห่งนี้ได้ ป่านนี้ ONE คงจบไปนานแล้ว