วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. สนามฟุตบอล MMTC ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี กรมเจ้าท่า จังหวัดสมุทรปราการ ได้ถูกปลุกเร้าด้วยเสียงเชียร์และความมันสะเทือนสนาม กับงาน MMTC FOOTBALL FESTIVAL การแข่งขันฟุตบอลสุดยิ่งใหญ่ที่รวมเอาสุดยอดนักเตะจากหลากหลายวงการมาประชันฝีเท้าในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความอบอุ่น และพลังแห่งกีฬา
งานนี้จัดขึ้นโดย อาจารย์อำนวย ศรีครุฑ เจ้าภาพใหญ่ใจดี จัดการแข่งขันในรูปแบบ “พบกันหมด” 5 ทีมสุดแข็งแกร่ง ที่พกดีกรีและเกียรติประวัติมาเต็มสนาม
5 ทีมระดับตำนาน
• ศิษย์เก่าพาณิชย์นาวี นำโดยกัปตัน ทวีชัย อุชาชน ลูกหม้อเก่าที่สวมวิญญาณนักรบลูกหนังอีกครั้ง
• พระปฐม 90 การรวมตัวของศิษย์เก่าโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม นำทัพโดย ดร.อ้ำ ธนเดช สงวนพันธุ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ อาจารย์คำนวณ สงวนพันธุ์ ตำนานผู้ปลุกปั้นนักเตะทีมชาติไทยมากมายแห่งเมืองเจดีย์ใหญ่ ดร.อ้ำได้รับการสืบทอดพรสวรรค์และหัวใจนักสู้จากสายเลือดกีฬาของครอบครัวโดยตรง ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจนำทีมพระปฐม 90 แสดงฝีเท้าอันเฉียบขาดบนสนาม
• VIP ARMY ขุนพลสายแข็งจากกองทัพ นำโดย พลโทชาญณรงค์ ยี่โต๊ะ ที่ยังฟิตเปรี๊ยะไม่แพ้นักเตะอาชีพ
• อดีตทีมชาติโค๊กคัพอาเซียน ที่พกดีกรีระดับอินเตอร์ นำโดย นพดล วิจารณ์ณรงค์ โชว์ลีลาสวยงามชนิดจับตาไม่กะพริบ
• นักเรียนนายร้อย จปร. ที่มี พันเอกอดุล มะลิพันธุ์ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย ขับเคลื่อนเกมบุกอย่างดุดัน
บรรยากาศแห่งมิตรภาพและความมัน
เสียงนกหวีดเริ่มต้นการแข่งขันดังกระหึ่ม ทั้งนักเตะและกองเชียร์พร้อมใจกันสร้างบรรยากาศสุดครึกครื้น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และเสียงปรบมือเกรียวกราวตอบรับลีลาสุดแพรวพราวบนสนาม
ไฮไลต์ของการแข่งขันอยู่ที่การวางเกมอันยอดเยี่ยม และลูกยิงสุดเฉียบคมที่เรียกเสียงฮือฮาได้ทั้งสนาม โดยเฉพาะทีมพระปฐม 90 ที่โชว์ความเก๋า โชว์ทักษะการอ่านเกมและจ่ายบอลอย่างแม่นยำ เรียกเสียงปรบมือรัวๆ จากขอบสนาม
กีฬาเพื่อสุขภาพ กีฬาเพื่อสังคม
นอกจากความสนุกสะใจในสนามแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นเวทีที่ส่งเสริมการออกกำลังกาย และเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการดูแลสุขภาพของผู้ใหญ่และผู้สูงวัย ส่งเสริมให้เกิดวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง ห่างไกลโรคภัย ซึ่งหากผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมช่วยลดภาระงบประมาณการดูแลสุขภาพในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม
บทสรุปแห่งความทรงจำ
MMTC FOOTBALL FESTIVAL ครั้งนี้ไม่ได้จบลงแค่เสียงนกหวีดสุดท้าย แต่มิตรภาพที่เกิดขึ้นในสนามยังคงเบ่งบาน ข้ามรุ่นข้ามวัย พร้อมบทพิสูจน์ว่า “สายเลือดนักสู้ไม่มีวันจาง” และฟุตบอลก็ยังคงเป็นภาษาสากลที่เชื่อมใจผู้คนได้อย่างไร้พรมแดน
