คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"
ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับศึกใหญ่ ONE 172 ที่จะมีขึ้น ณ ไซตามะ ซูเปอร์ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 23 มีนาคม 2568 แน่นอนว่านอกจากการชิงเข็มขัดแชมป์โลก 5 เส้นสุดยิ่งใหญ่แล้ว ไฮไลต์สำคัญที่หลายคนให้ความสนใจ คือคู่เอก ระหว่าง ทาเครุ เซกาวา อดีตแชมป์ K-1 ปะทะ รถถัง จิตรเมืองนนท์ อดีตแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต ซึ่งจะชกกันในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ซูเปอร์ไฟต์ 5 ยก
ไฟต์นี้เปรียบเสมือนไฟต์ชี้เป็นชี้ตาย หรือเป็นการตัดสินอนาคตของ รถถัง จิตรเมืองนนท์ เลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่จะมาเป็นตัวกำหนดเส้นทางการเป็นนักมวยอาชีพหลังจากนี้ของ "ดิ ไอรอนแมน" ไม่ใช่ผลแพ้-ชนะ แต่เป็นเรื่องการทำน้ำหนัก
รถถัง ทำน้ำหนักไม่ผ่าน 2 ไฟต์ติดต่อกัน กับการขึ้นชกในปี 2024 ทั้งไฟต์ที่ชกในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ปะทะ เดนิส พูริช กับ ไฟต์ที่ชกกติกามวยไทย กับ จาค็อบ สมิธ โดยการตกตาชั่งในไฟต์ล่าสุด ทำให้เขาถูกริบเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ เคยออกมาพูดผ่านไลฟ์สดว่าหลังจากนี้ รถถัง จิตรเมืองนนท์ จะพลาดไม่ได้อีกแล้วกับการทำน้ำหนัก ทุกอย่างหลังจากนี้ต้องปฏิบัติอย่างมืออาชีพ เพราะต้องเข้าใจว่าตัวของ รถถัง มีแฟนคลับอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถ้าพลาดตกตาชั่งอีก คงโดนถล่มเละยิ่งกว่าเก่า
ซึ่งหากดูจากโซเชียลมีเดียช่วงก่อนหน้านี้ ตัวของ รถถัง จิตรเมืองนนท์ เอง ดูจะมุ่งมั่น และตั้งใจกว่าเดิมหลายเท่า ในการควบคุมสภาพความฟิต ทำน้ำหนัก และการฝึกซ้อมที่เข้มข้นมากขึ้น จะว่าไปเราแทบไม่เคยเห็น รถถัง ซ้อมหนักแบบนี้มานานมากๆ
ล่าสุดเจ้าตัวซ้อมโชว์สื่อในงาน Workout ณ ค่ายมวยลูกทรายกองดิน ของครอบครัวภรรยา แนวโน้มทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ด้วยดี น้ำหนักตัวในตอนนี้อยู่ที่ราว 65 กิโลกรัม ขาดอีกเพียงแค่ 3-4 กิโลกรัมเท่านั้นก็จะผ่านตาชั่งแบบไร้ปัญหา
จุดนี้ รถถัง เผยว่า "ปีเตอร์" เทรนเนอร์ส่วนตัวที่จ้างมาดูแลเรื่องโภชนาการ และการทำน้ำหนักโดยเฉพาะ อยากให้ทำน้ำหนักให้อยู่ที่ช่วง 65 ไม่กิน 66 กิโลกรัม ก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นในวันที่ 16 มีนาคมนี้ หลังจากนั้นจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ เพื่อรีดน้ำหนักลงมาอีก 3 กิโลกรัมเศษ เพื่อให้ผ่านพิกัดรุ่นฟลายเวต 135 ปอนด์ หรือราว 61.3 กิโลกรัม ซึ่งเรื่องนี้สำหรับนักมวยถือว่าสบายมาก
หลายคนอาจจะดูตกใจว่าทำไมป่านนี้แล้ว รถถัง ยังน้ำหนักตัวเกินมาอยู่ราว 4 กิโลกรัม ซึ่งจะบอกว่าน้ำหนักประมาณนี้ถือว่าเป็นปกติสำหรับนักมวยทุกคนบนโลกใบนี้ หลายคนก่อนชกราว 2 สัปดาห์ น้ำหนักยังเกินอยู่ราว 7-10 กิโลกรัม แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับการทำน้ำหนักในช่วงโค้งสุดท้าย ตัวอย่างเช่น ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยฯ ไฟต์ล่าสุด ที่เขาต้องเจอกับ ซุปเปอร์บอน เจ้าตัวน้ำหนักเกินพิกัดก่อนถึงวันชก 1 อาทิตย์ ราวๆ 7 กิโลกรัม แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพแบบสุดๆ ถึงวันชก เขาก็ผ่านตาชั่งแบบไร้ปัญหา โดยทำน้ำหนักได้ที่ 155 ปอนด์ หรือ 70 กิโลกรัม พอดีเป๊ะ
แต่สำหรับตัว รถถัง ตอนนี้ก็อีกราว 2 สัปดาห์เศษจะถึงไฟต์ชก การที่น้ำหนักเกินมาไม่ถึง 5 กิโลกรัม ถือเป็นสัญญาณที่ดีเอามากๆ ดูแล้วการจะเห็นเขาตกตาชั่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน คงจะไม่เกิดขึ้น
โดย "ปีเตอร์" เทรนเนอร์ส่วนตัวที่จ้างมาดูแลเรื่องโภชนาการ และการทำน้ำหนักโดยเฉพาะ เปิดเผยว่าตอนนี้เขาพอใจกับการคุมน้ำหนักของ รถถัง จิตรเมืองนนท์ เป็นอย่างมาก และเชื่อมั่นว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการทำน้ำหนักก่อนจะถึงไฟต์วันที่ 23 นี้ นักชกในความดูแลของตนจะผ่านพิกัดแบบฉลุย และจะผ่านแบบที่ยังมีแรงเหลือเฟือไปซัดกับ ทาเครุ บนเวทีสบายๆ
"ตอนนี้น้ำหนักของผมอยู่ที่ 65 กิโลกรัม ซึ่งตัวของ ปีเตอร์ (นักโภชนาการ) เป็นคนบอกว่าอย่าเพิ่งรีบกดน้ำหนักลงไปมากกว่านี้ ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 16 มี.ค. อยากให้น้ำหนักไม่ต่ำไปกว่า 65-66 กิโลกรัม ซึ่งตอนนี้ตนก็พร้อมแล้ว" รถถัง กล่าว