"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โพสต์ข้อความหลัง "ศาลฎีกา" สั่งจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท ให้กับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด คดีที่มีการฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ที่มีการละเมิดการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอล
ข้อความบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ Madam Pang - มาดามแป้ง - นวลพรรณ ล่ำซำ ระบุว่า "ทุกปัญหา(คง)มีทางออก "It’s not the end of the world" (ขอยกคำสอนของคุณพ่อโพธิ์พงษ์ ไว้เตือนใจ)"
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่มีการฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ละเมิด การเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอล ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
โดยเริ่มแรกคดีนี้ บจก. ซีนิแพล็กซ์ (บริษัทในเครือของผู้ให้บริการโทรทัศน์ แบบบอกรับสมาชิก) ยื่นฟ้อง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการถ่ายทอดเสียงและภาพการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ที่จัดโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์) และคดีที่ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท ยื่นฟ้อง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับพวกรวม 20 คน เรื่องลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ละเมิด ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยคดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลทรัพย์สินฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้พิจารณาพิพากษารวมกัน โดยให้เรียก บจก. ซีนิแพล็กซ์ โจทก์สำนวนแรกซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 20 ในสำนวนที่สองว่าจำเลยที่ 20 และเรียกบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำเลยสำนวนแรกซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนที่สองว่าโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 1-19 ในสำนวนที่สองยังคงเป็นจำเลยตามลำดับเดิม
ขณะที่ศาลทรัพย์สินฯ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้ บริษัท สยามสปอร์ตฯ โจทก์ ชำระ 240 ล้านบาทแก่ บจก. ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยใน อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่โจทก์จะชำระแก่จำเลยที่ 20 เสร็จสิ้น คำขออื่นของจำเลยที่ 20 ให้ยก
กับให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 50 ล้านบาทแก่บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560) จนถึงวันที่จำเลยที่ 1 จะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น ส่วนคำขออื่นของโจทก์ให้ยก และยกฟ้องจำเลยที่ 2-20 กับยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 20
ต่อมา บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์, สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 และบจก. ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 450 ล้านบาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หรืออัตราอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตามที่โจทก์ขอ และให้บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ชำระเงิน 240 ล้านบาทแก่บจก. ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หรืออัตราอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 20 แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่จำเลยที่ 20 ขอ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ และสมาคมกีฬาฟุตบอล จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ