คอลัมน์ “Final Whistle" โดย "ผู้เล่นคนที่ 12"
เดิมที เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ถูกมองประหนึ่งอัศวินขี่ม้าขาว โดยเข้ามาซื้อหุ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้กลุ่ม อิเนออส เพื่อตั้งใจช่วยบริหารด้านฟุตบอลโดยเฉพาะให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทว่าหลายสิ่งที่ทำนั้นสร้างความไม่พอใจทั้งตัดงบรวมถึงเลิกจ้างพนักงาน ขณะที่ผลงานในสนามก็ยังไม่ดีขึ้นเลย
แน่นอน เซอร์ จิม ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่ลงมือทำนี้ถูกต้อง เพราะถือว่าเป็นเพียงแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้น เขาต้องสะสางสิ่งที่ยุคก่อนทำทิ้งเอาไว้ ขณะที่กุนซือ รูเบน อโมริม ที่เข้ามากลางฤดูกาล ซัมเมอร์นี้เตรียมเจอของจริง โดยต้องซื้อนักเตะที่เข้ากับระบบ 3-4-3 ที่ยึดมั่นเพื่อฉุดทีมให้มีผลงานกระเตื้อง
อย่างแรกที่ เซอร์ จิม ต้องทำเลยก็คือโปรเจ็คต์ "นิว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" จะถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของสโมสร ดังนั้นการสร้างสนามใหม่ความจุ 100,000 ที่นั่งจะต้องดำเนินการทันที หลังจากสนามปัจจุบันความจุราว 75,000 ที่นั่งใช้มาตั้งแต่ปี 1910 ถึงตอนนี้ก็ 115 ปีแล้ว เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลาที่ผ่านมาก็มีปัญหาหนูเผ่นผ่านรวมถึงน้ำรั่ว หากสนามใหม่เสร็จลุล่วงก็จะถือเป็นผลประโยชน์การโกยรายได้ในระยะยาวแนวโน้มที่จะทำเงินจากตั๋วเข้าชมเพิ่มขึ้นราว 8 ล้านปอนด์ต่อเกม
ต่อมาคือการสื่อสารพูดคุยที่ดีทำความเข้าใจให้แฟนบอลรู้สึกว่าสโมสรต้องการพวกเขาและเห็นว่าสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่ชัดเจนในการขึ้นค่าตั๋ว รวมถึงการเลิกจ้างพนักงานรอบสอง ตลอดจนการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งการประกาศทางอีเมลและข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วๆ ไปไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีเลย
ตัวอย่างเช่น ลิเวอร์พูล ประกาศตรึงราคาค่าตั๋วฤดูกาลหน้าเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ แรทคลิฟฟ์ นั้นไม่ค่อยที่จะแสดงวิสัยทัศน์หรือแผนระยะสั้นระยะยาว ทั้งหมดนี้ทำให้แฟนบอลรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากที่ ตระกูลเกลเซอร์ บริหารอยู่ก่อนหน้านี้เลย
ต่อมาคือ แรทคลิฟฟ์ ต้องพยายามกำจัด ตระกูลเกลเซอร์ ออกไป สิ่งนี้ถือเป็นความต้องการอันยาวนานที่แฟนบอล แมนฯยู อยากให้เกิดขึ้นที่สุด แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยมากๆ
เพราะที่ผ่านมาตระกูลนี้ใช้ทีมเป็นแหล่งทำเงินก้อนโต โดยได้เงิน 1.3 พันล้านปอนด์จากการขายหุ้น ในขณะที่ตอนเข้ามาซื้อทีมเมื่อปี 2005 นั้นใช้เงินไปไม่ถึง 800 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ
ตระกูลเกลเซอร์ ได้เงิน 715 ล้านปอนด์จากการขายหุ้นให้ แรทคลิฟฟ์ เมื่อ 12 เดือนก่อน ดังนั้นพวกเขามองว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องขายหุ้น 75 เปอร์เซนต์และยิ่งดีเลยที่ แรทคลิฟฟ์ เข้ามาแบกภาระทุกอย่างแทน
ตามด้วยเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะและรูปแบบการเล่น โดยที่ผ่านมา แมนฯยู มีสถิติซื้อผู้เล่นใหม่ที่เลวร้ายมากคือจ่ายเกินความเป็นจริงแถมแต่ละคนที่ได้มานั้นไม่เข้าตาเลย ล่าสุดการมาของ รูเบน อโมริม ภายใต้ระบบ 3-4-3 แฟนบอลก็รอดูว่าในช่วงซัมเมอร์นี้จะมีอะไรที่เข้ารูปเข้ารอยบ้าง
นอกจากนี้คือการเก็บนักเตะอนาคตอย่าง ค็อบบี้ ไมนู ที่ต้องพยายามจับต่อสัญญาให้เร็วที่สุด รวมถึง อเลฮานโดร การ์นาโช่ แฟนบอลต้องการเห็น 2 คนนี้เป็นกนหลักต่อไป ไม่ใช่ขายออกไปได้เงินน้อยนิดและให้ทีมอื่นไปได้รับผลประโยชน์จากผู้เล่นที่ แมนฯยู เป็นคนปลุกปั้นขึ้นมาแทน