วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส พลิกล็อกเอาชนะ ดีทรอยต์ ไลออนส์ 45-31 เข้ารอบชิงชนะเลิศ สายเอ็นเอฟซี (NFC) ครั้งแรกนับตั้งแต่คว้าแชมป์ ซูเปอร์ โบว์ล 33 ปีก่อน ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ที่สนาม ฟอร์ด ฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม
คอมมานเดอร์ส ทีมวางอันดับ 6 (ชนะ 14 แพ้ 5) ตกเป็นรอง ไลออนส์ เต็งแชมป์ซูเปอร์ โบว์ล (ชนะ 15 แพ้ 3) เกือบ 10 แต้ม ตามราคาบริษัทรับพนันถูกกฎหมาย และคลายข้อกังหาที่มีมาตลอดซีซัน ภายใต้การนำของควอเตอร์แบ็กรุกกี, โค้ชและผู้จัดการทั่วไปคนใหม่
ดีทรอยต์ ทีมวางอันดับ 1 ของคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรก ปล่อยโอกาสลุ้นแชมป์หลุดลอย โดยเสีย 5 เทิร์นโอเวอร์
ไมค์ เซนริสติล รุกกี วอชิงตัน ได้ 2 อินเทอร์เซ็ปต์ รวมแผนพลิกแพลงของ ไลออนส์ ซึ่งใช้ เจมสัน วิลเลียมส์ ปีกนอก รับบอลแผนรีเวิร์ส แล้วขว้างท่ามกลางวงล้อมของการตั้งโซนป้องกันควอเตอร์ 4 และควอน มาร์ติน วิ่งย้อนอินเทอร์เซ็ปต์ 40 หลาทัชดาวน์
จาเหร็ด กอฟฟ์ ควอเตอร์แบ็ก ไลออนส์ เสีย 3 อินเทอร์เซ็ปต์ กับ 1 ฟัมเบิล ผิดกับ เจย์เดน แดเนียลส์ ควอเตอร์แบ็กดราฟต์เบอร์ 2 ปี 2024 ขว้าง 299 หลา ถือบอลวิ่งเอง 51 หลา และจุดสำคัญไม่เสียเทิร์นโอเวอร์ตลอดเกม
แดน ควินน์ เฮดโค้ชปีกแรก คุม วอชิงตัน เข้าเพลย์ออฟครั้งแรกรอบ 19 ปี และแซงชนะ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส รอบไวล์ด-การ์ด นับเป็นการคัมแบ็กครั้งที่ 6 และครั้งที่ 5 ติดต่อกัน จากการตัดสินเกมถึงเพลย์สุดท้าย รวมเวลาปกดิและต่อเวลา
เกมนี้ คอมมานเดอร์ส เล่นดาวน์ที่ 4 สำเร็จ 3 จาก 4 ครั้ง โดยไม่ยอมให้ ดีทรอยต์ ครองบอลบุกกลับ เพื่อทำคะแนนตีตื้น
วอชิงตัน ทำสกอร์เหนือกว่า 28-14 เฉพาะควอเตอร์ 2 เป็นสกอร์สูงสุดของประวัติศาสตร์ NFL เพลย์ออฟ ขึ้นนำ 31-21 ช่วงพักครึ่ง โดย แดเนียลส์ ขว้างระยะ 242 หลา เฉพาะครึ่งแรก
อดีตผู้เล่นมหาวิทยาลัยแอลเอสยู (LSU) ขว้างคอมพลีต 22 จาก 31 ครั้ง 2 ทัชดาวน์ ให้ เทอร์รี แม็คลอริน จากแผนสกรีน ระยะ 58 หลา และ แซ็ค เอิร์ตซ ไทต์เอนด์ ระยะ 5 หลาช่วงควอเตอร์ 2 ขณะที่ ไบรอัน โรบินสัน รันนิงแบ็ก วิ่ง 77 หลา 2 ทัชดาวน์
ด้าน กอฟฟ์ ขว้่างเข้าเป้า 23 จาก 40 ครั้ง ระยะ 313 หลา 1 ทัชดาวน์ ให้ แซม ลาปอร์ตา ไทต์เอนด์ แซงนำ 14-10 ซึ่งเป็นการขึ้นนำครั้งสุดท้ายของ ไลออนส์ กลางควอเตอร์ 2
จาห์เมียร์ กิ๊บบ์ส รันนิงแบ็ก ดีทรอยต์ วิ่งระยะ 105 หลา 2 ทัชดาวน์ และ อามอน-รา เซนต์ บราวน์ ปีกนอก รับบอล 8 ครั้ง ระยะ 137 หลา
กอฟฟ์ เสียฟัมเบิลดาวน์ที่ 3 ต้องการ 1 หลา ตรงเส้น 17 แดนคอมมานเดอร์ส ท้ายควอเตอร์แรก จากนั้น แดเนียลส์ เปลี่ยนดาวน์ที่ 4 ต้องการ 3 หลา ตรงเส้น 9 แดนดีทรอยต์ เพื่อครองบอลต่อ แล้วปิดไดรฟ์ด้วย โรบินสัน วิ่งทัชดาวน์ 2 หลา
แดเนียลส์ ขว้างบอลสั้นๆ ให้ แม็คลอริน ปีกความเร็วจัด เร่งสปีดหลบ 2 ตัวป้องกัน และหนี เคอร์บี โจเซฟ เซฟตีดีกรี ออล-โปร (ทีมยอดเยี่ยม) แซงนำ 17-14
3 สแน็ปถัดมา กอฟฟ์ ขว้างบอลโด่งเกินไป เป็นเหตุให้ มาร์ติน อินเทอร์เซ็ปต์วิ่งย้อนถึงเอนด์ โซน หนีไปเป็น 24-14 แถมยังถูก แฟรงกี ลูวู ไลน์แบ็คเกอร์ แท็คเกิลจนต้องออกมานอกสนามเพื่อประเมินอาการคอนคัสชัน (สมองกระทบกระเทือน)
ขณะเปลี่ยน เท็ดดี บริดจ์วอเตอร์ ควอเตอร์แบ็กสำรอง ลงสนาม ดีทรอยต์ ตีตื้นจาก วิลเลียมส์ ถือบอลวิ่งจากแผนรีเวิร์ส ระยะ 61 หลา
ไลออนส์ มีโอกาสลดช่องว่างท้ายครึ่งแรก แต่ กอฟฟ์ ขว้างลึกเจาะตรงกลาง แล้วถูก เซนริสติล อินเทอร์เซ็ปต์ตรงเอนด์ โซน
ดีทรอยต์ เริ่มครึ่งหลังน่ากลัว ต้านทานให้ วอชิงตัน พันท์ครั้งแรกของเกม (เตะกินแดน) แล้วสร้างไดรฟ์การบุก 11 เพลย์ ระยะ 76 หลา ปิดด้วย กิ๊บบ์ส วิ่งทัชดาวน์ครั้งที่ 2 ระยะ 8 หลา ไล่มาเป็น 28-31
อย่างไรก็ตาม ทีมรับ ไลออนส์ ปั่นป่วนหลังถูกนวดอยู่นาน
วอชิงตัน ตอบโต้ด้วยการเล่น 15 เพลย์ ระยะ 70 หลา โดย ดีทรอยต์ เสียโทษจากการส่งผู้เล่นลงสนาม 12 คน ดาวน์ที่ 4 ต้องการ 2 หลา ตรงเส้น 5 แดนตัวเอง และ โรบินสัน มุดทำทัชดาวน์ รักษาช่องว่าง 10 แต้ม