นับเป็นดีลใหญ่ส่งท้ายปี เมื่อลีกฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก “พรีเมียร์ลีก” มีการเปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์ใหม่ โดย JAS เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และเอฟเอคัพ เป็นเวลา 6 ฤดูกาล ในทุกแพลตฟอร์มในภูมิภาคของประเทศไทย, สปป.ลาว และกัมพูชา เงินลงทุนในครั้งนี้อยู่ที่ 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.9 หมื่นล้านบาท
ซึ่งเจ้าของ JAS ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ “พิชญ์ โพธารามิก” นักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย ลูกชายของ อดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นใหญ่อยู่ 10 บริษัท แบ่งออกเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 บริษัท และอีก 7 บริษัทอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
โดยธุรกิจหลักของเขาก็คือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS พิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 52.07% มูลค่า 10,649.23 ล้านบาท
จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) JTS โดย พิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 สัดส่วน 4.90% มูลค่า 25,340.08 ล้านบาท
โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) MONO พิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 57.73% มูลค่า 3,366.72 ล้านบาท
ส่วนอีก 7 บริษัท ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ และสถานภาพยังดำเนินกิจการอยู่ ได้แก่
บริษัท ทรี บีบี ทีวี จำกัด บริการจัดส่งสัญญาณโทรทัศน์/วิทยุผ่านสายเคเบิล
บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด ผลิตรายการสื่อโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ รวมทั้งให้บริการข้อมูลบันเทิง
บริษัท แวมไพร์ สปอร์ตส์ จำกัด กิจกรรมทางด้านกีฬาบาสเกตบอล/อีสปอร์ต
บริษัท ลักชัวรี่29 จำกัด การขายสินค้าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า
บริษัท อินฟินิท คิทเช่น จำกัด การบริการอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร
บริษัท เอนเตอเทนเมนท์29 จำกัด ผลิตภาพยนตร์และวีดีทัศน์
และสุดท้าย บริษัท พินเวสเมนท์ จำกัด การผลิตภาพยนตร์และวีดีทัศน์
โดยทั้งหมดของ พิชญ์ โพธารามิก ถือเป็นเครื่องรับประกันได้ว่า การซื้อลิขสิทธ์พรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ เป็นอีก 1 เป้าหมายในการยกระดับการรับชมกีฬาในประเทศไทย และ สร้างมิติใหม่ให้แก่แฟนฟุตบอล
ซึ่ง JAS ได้เผยช่องทางการรับชมผ่านช่องทางหลัก คือ MONOMAX ซึ่งเป็นสตรีมมิ่ง แพลตฟอร์ม และ ยังสามารถรับชมได้ผ่านทางฟรีทีวีในช่อง โมโน 29 นอกจากนี้ยังจับมือกับพันธมิตรอย่าง AIS เพื่อสนับสนุนให้คอนเทนต์เข้าถึงผู้ชมได้มากที่สุดอีกด้วย