คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"
ชีวิตหนีไม่พ้นดราม่าจริงๆ สำหรับ รถถัง จิตรเมืองนนท์ กับเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต ที่กลายเป็นอดีต เมื่อเขาตกตาชั่งทำน้ำหนักไม่ผ่าน เกินมาแค่ 0.5 ปอนด์ จนถูกริบแชมป์ไปโดยปริยาย แม้ไฟต์ล่าสุดจะเก็บชัยเหนือ จาค็อบ สมิธ ชนิดที่เหนือกว่ากันหลายขุม
ขึ้นป้ายว่าเป็นนักชกไทยที่ค่าตัวสูงสุดใน ONE แต่ทำน้ำหนักไม่ผ่าน 2 ไฟต์ติดต่อกัน ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงโดนมรสุมข่าวดราม่าเล่นงานทุกทิศทุกทาง ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ตัวเองที่โดนวิจารณ์ แต่พรรคพวก เพื่อนพ้อง อาจรวมไปถึงภรรยา หรือครอบครัว ก็โดนหางเลขไปด้วย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2024 ในศึก ONE 167 รถถัง มีคิวต้องปะทะ เดนิส พูริช ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ซึ่งทาง ONE กำลังปูเส้นทางให้เขาดวลกับ ทาเครุ เซกาวา ในอนาคต แต่กำปั้นวัย 27 ปี กลับตกตาชั่ง จนคู่ชกต้องแบกน้ำหนักมากถึง 6 ปอนด์เศษ แม้ไฟต์นี้ รถถัง จะเก็บชัยไปได้แต่ก็ดูไม่สง่างามเท่าไหร่นัก
ชาวเน็ตเริ่มต้นโจมตี รถถัง ในเรื่องที่เขาย้ายจากการซ้อม ณ ค่ายมวยจิตรเมืองนนท์ มาเก็บตัวอยู่ที่่ค่ายมวยลูกทรายกองดินของครอบครัวภรรยา หลายคนมองว่าจุดนี้อาจทำให้ความเข้มข้นในการฝึกซ้อมลดน้อยลงกว่าเดิม หรือการที่เขาชอบไปเตะฟุตบอลอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งใกล้ถึงไฟต์ชกแล้วก็ยังไปเดินสายเตะฟุตบอลอยู่
ตัดกลับมาที่ไฟต์ล่าสุด รถถัง จิตรเมืองนนท์ ก็โดนดราม่าจากโลกโซเชียลอีกครั้ง ซึ่งประเด็นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมา ทั้งการไปเตะฟุตบอล ทั้งๆที่ใกล้ไฟต์ชก หรือการซ้อมกับค่ายมวยลูกทรายกองดิน รวมไปถึงความเป็นมืออาชีพของทาง รถถัง ที่ลดน้อยถอยลงไปจากเดิม
นี่ยังไม่รวมประเด็นยิบย่อย เช่น กลุ่มเพื่อนๆ ของ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ที่เป็นเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ ในช่วงหลังมักจะชวนกันไปทำคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะ บอย ท่าพระจันทร์ รุ่นพี่คนสนิทที่ชวนกันไปเตะฟุตบอลอยู่บ่อยๆ ก็เหมือนจะโดนหนักกว่าใครเพื่อน เพราะมักจะรับบท "พี่ใหญ่" ให้กำลังใจน้อง แต่มิวายก็ถูกตำหนิว่าไม่ยอมตักเตือน หรือชอบให้ท้าย จน รถถัง เคยตัว
นอกจาก 2 ประเด็นใหญ่ๆ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้วนั้น รถถัง จิตรเมืองนนท์ ยังถูกตั้งข้อครหาว่าที่ช่วงหลังทำน้ำหนักไม่ผ่าน 2 ไฟต์ติดต่อกัน อาจเป็นเพราะเขาหมดแรงจูงใจในการชกมวยไทยแล้วหรือเปล่า เพราะค่าตัวที่ได้รับในแต่ละไฟต์ค่อนข้างเยอะ มีเงินพอเหลือกินเหลือใช้ ทำให้ความทุ่มเทในสิ่งนี้ลดน้อยลงไป
แต่ตัวของ รถถัง เอง ก็ยืนยันว่าเขาไม่เคยลดความสำคัญของการชกมวยลงไปแม้แต่น้อย มวยไทย ยังคงเป็นสิ่งที่เขาใช้หาเลี้ยงชีพ และทุ่มเทเต็มที่กับการฝึกซ้อมทุกครั้ง แถมเขาก็ทำทุกอย่างเป็นมืออาชีพ มีทีมงานที่เป็นมืออาชีพ ทั้งนักวิทยาศาสตร์การกีฬา และนักโภชนาการ แต่ก็ยอมรับว่าครั้งนี้ยังคงพลาดอยู่ ไม่ขอแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ถึงแม้ รถถัง จะทำน้ำหนักไม่ผ่านเกณฑ์ 2 ไฟต์ติดต่อกัน แต่เชื่อว่าบิ๊กบอส ชาตรี ศิษย์ยอดธง ปธ.วัน แชมเปียนชิพ ยังคงสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ เพราะ รถถัง ถือเป็นตัวชูโรงประจำรายการ มีแฟนคลับติดตามทั่วโลก การให้โอกาสกับรถถังก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดแปลก
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้รับโอกาสในไฟต์ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นการชกในกติกาคิกบ็อกซิ่ง กับ ทาเครุ เซกาวา ซุปตาร์จากญี่ปุ่น รถถัง จะพลาดไม่ได้อีกเด็ดขาดในเรื่องของการทำน้ำหนัก ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าผลการแข่งขันเสียด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าเป็น "บทพิสูจน์" อีกหนของกำปั้นรายนี้ เพราะหากเขาผ่านมันไปได้เชื่อว่าหลังจากนี้อะไรๆ ก็น่าจะกลับมาดี
แต่หาก รถถัง พลาดท่าตกตาชั่งเป็นไฟต์ที่ 3 ติดต่อกัน อาจทำให้ ONE โดยเฉพาะ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ลดความสำคัญในตัวเขาลงไปโดยปริยาย และอาจทำให้เขาโดนถล่มด่าหนักกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยก็ได้
รถถัง จิตรเมืองนนท์ เปรียบดั่งอัจฉริยะเมื่อขึ้นไปอยู่บนเวที ด้วยลีลาการชกของเขาที่ไม่เป็นสองรองใครในโลกใบนี้ แต่สิ่งเดียวที่เขาจะต้องต่อสู้นั่นก็คือการต่อสู้กับตัวเอง ต่อสู้กับความเป็นมืออาชีพ และวินัยในตัวเอง เพราะหากโอกาสหนหน้าเขายังทำพลาดอีก เสียงวิจารณ์ก็จะยิ่งถาโถมเข้ามาหนักยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยล่ะครับ