ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กลับมาสวมชุดแข่งแบรนด์ "อาดิดาส" ฤดูกาล 2025/26 หลังทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว มูลค่าปีละ 60 ล้านปอนด์ (มากกว่า 2,600 ล้านบาท)
"เดอะ เรดส์" หวนใช้บริการแบรนด์โลโก้ 3 แถบ ตามสัญญามากกว่า 1 ปี คิดเป็นมูลค่าแพงสุดของสโมสร หลังห่างหายกันมานาน 13 ปี โดย ทีมย่านเมอร์ซีย์ไซด์ เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ วอร์ริเออร์, นิว บาลานซ์ และ ไนกี้
อายุสัญญายังไมาทราบแน่ชัด แต่คาดกันว่าเป็นสัญญาระยะยาว ทั้ง ไนกี้ และ พูมา ต่างยื่นข้อเสนอมาถึงสโมสร แต่ปรากฏว่า อาดิดาส ปิดดีลกับสโมสรยอดนิยมของ พรีเมียร์ ลีก อีกแห่งหนึ่ง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขยายสัญญากับ อาดิดาส อีก 10 ปี เมื่อปี 2023 มูลค่ารวม 900 ล้านปอนด์ (เกือบ 40,000 ล้านบาท) เริ่มปี 2025 โดยได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มขึ้น 15 ล้านปอนด์ (660 ล้านบาท) เทียบกับสัญญาเก่า ถึงแม้ถูกตั้งเงื่อนไขหักเงิน กรณีชวดพื้นที่ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
ไม่ทราบแน่ชัดว่า อาดิดาส ตั้งเงื่อนไขแบบเดียวกับ ลิเวอร์พูล หรือไม่
สัญญาเดิมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ไนกี้ มูลค่าปีละ 30 ล้านปอนด์ (มากกว่า 1,300 ล้านบาท) กรณีรวมส่วนแบ่งจากยอดขาย อาจเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท)
"หงส์แดง" เปลี่ยนมาสวมเสื้อแบรนด์ ไนกี้ เมื่อปี 2020 หลังคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ครั้งแรก และสัญญากับ นิว บาลานซ์ สิ้นสุด
ปัจจุบัน อาดิดาส ผลิตชุดแข่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, ฟูแลม, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, แอสตัน วิลลา และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด