คอลัมน์ “TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"
ขุนพล "เสื้อกล้าม" ทีมชาติไทย สามารถคว้าโควต้าไปลุย "ปารีสเกมส์" ได้ทั้งสิ้น 8 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากเมื่อปี 2000 ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่คราวนั้นได้โควต้าไป 9 คน โดยมี วิจารณ์ พลฤทธิ์ เป็นฮีโร่คว้าเหรียญทองมาครอง
หลังจบการแข่งขันมวยสากล โอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก ที่ ไทย เป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ทีมนักชกจากไทยการันตีได้ตั๋วไปลุย "ปารีสเกมส์" ทั้งสิ้น 8 คน
แบ่งเป็น ชาย 3 คน ได้แก่ ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด (รุ่น 51 กิโลกรัมชาย), บรรจง สินศิริ (รุ่น 63.5 กิโลกรัมชาย) และวีระพล จงจอหอ (รุ่น 80 กิโลกรัมชาย)
ส่วนหญิงได้โควต้าไป 5 คน ได้แก่ จุฑามาศ รักสัตย์ (รุ่น 50 กิโลกรัมหญิง), ธนัญญา สมนึก (รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง), จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (รุ่น 66 กิโลกรัมหญิง), จุฑามาศ จิตรพงศ์ (รุ่น 54 กิโลกรัมหญิง) และใบสน มณีก้อน (รุ่น 75 กิโลกรัมหญิง)
โดยในชุดนี้นักกีฬาที่เป็นตัวความหวังหนีไม่พ้น ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด ในรุ่น 51 กิโลกรัมชาย เจ้าของเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อปีก่อน แต่ขวากหนามสำคัญก็คือ ฮาซันบอย ดุสมาตอฟ นักชกร่างจิ๋วจากอุซเบกิสถานที่เจ้าตัวพ่ายแพ้มาในหางโจวเกมส์
ซึ่งถึงแม้ในรอบชิงหางโจวเกมส์ เมื่อปลายปีก่อน ธิติสรรณ์ จะพ่าย ฮาซันบอย ไปอย่างเป็นเอกฉันท์ 0-5 เสียง แต่รูปเกมก็ไม่ได้เป็นรองอะไรมากมาย เพียงแต่จังหวะการออกอาวุธคู่ชกจากอุซเบฯ ทำได้ดีกว่า ซึ่งในโอลิมปิกมีโอกาสได้วนกลับมาเจอกันอีกครั้ง และถ้านักชกจากไทยทำการบ้านไปดี รับรองว่าได้ลุ้นแน่
ขณะที่ วีระพล จงจอหอ ในรุ่น 80 กิโลกรัม ชาย ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในรอบคัดเลือกล่าสุด จะต้องเจอบททดสอบสุดหิน เพราะในรุ่นใหญ่นั้นเขาจะต้องไปเจอกับนักชกจากทั้งทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่ฝีมือไม่ธรรมดา
ด้านนักชกหญิงของไทย ถือว่ามีลุ้นทั้ง 5 รุ่น โดยเฉพาะ ใบสน มณีก้อน รุ่น 75 กิโลกรัมหญิง ที่ยังคงเป็นตัวเต็ง และถ้าเธอไม่พลาดท่าตกม้าตายไปเอง ก็อาจจะได้ลุ้นคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งติดมือมาได้ในครั้งนี้ ส่วนอีกคนที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ ธนัญญา สมนึก รุ่น 60 กิโลกรัม ที่ฟอร์มการชกไม่ธรรมดาในช่วงหลัง
ปัจจุบันทีมมวยสากลสมัครเล่นไทย เดินทางไปเก็บตัวกันที่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา และจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่นแบบยาวๆ ก่อนเคลื่อนพลไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม
ทีมหญิงคุมทัพโดย วิจารณ์ พลฤทธิ์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2000 ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ของตัวเขาว่าจะสามารถคว้าเหรียญทองในฐานโค้ชได้หรือไม่ หลังเคยได้สมัยเป็นนักกีฬามาแล้ว
ขณะที่ทีมชายคราวนี้เปลี่ยนแปลงโค้ชจากเมื่อศึกโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จาก ฮวน ฟรอนตาเนียล ชาวคิวบา มาใช้ชาวไทย อย่าง สุฤทธิ์ ยิ่งกำแหง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่เราอาจจะไม่คุ้นตากันเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ทัพเสื้อกล้ามไทย มักใช้บริการเทรนเนอร์ต่างชาติมากกว่า
อย่างไรก็ตามทีมมวยสากลของไทยทั้งชาย และหญิง ต้องลุ้นการจับสลากประกบคู่ตั้งแต่รอบแรกว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากผลการจับสลากออกมาเป็นใจ ไม่ต้องเจอกับนักมวยแกร่งๆ ตั้งแต่รอบแรกๆเสียก่อน ไทย ก็น่าจะมีลุ้นหยิบเหรียญติดไม้ติดมือมาครองได้ไม่ยาก
เพราะฟอร์มการชกของกำปั้นแต่ละคนที่ผ่านการคัดเลือกมานั้น ถือว่าโดดเด่นแทบทุกคน โดยเฉพาะ 5 นักมวยหญิง ที่เฉิดฉายมาตั้งแต่รอบคัดเลือกครั้งแรก ซึ่งหากใครยังจำได้กันเมื่อโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่แล้ว มวยหญิงของไทย คว้าเหรียญทองแดงมาได้ 1 เหรียญ จาก สุดาพร ศรีสอนดี
หลังจากนี้แฟนกีฬาชาวไทยก็ต้องเอาใจช่วยทีมมวยสากลสมัครเล่น รวมไปถึงนักกีฬาประเภทอื่นๆ ให้คว้าเหรียญติดไม้ติดมือ กลับมาเป็นฮีโร่โอลิมปิก สร้างความสุขเพื่อคนไทยกันให้ได้ ซึ่งดูแล้วในครั้งนี้ทีมงานมีการเตรียมตัวที่ค่อนข้างดี แถมได้ตั๋วมากถึง 8 ใบ น่าจะเป็นปีที่มวยสากลสมัครเล่นของเราได้ลุ้นเหรียญทอง หลังจากเงียบเหงามานาน