“โจนาธาน ดิ เบลลา” อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) กลับมาพร้อมล่าบัลลังก์คืน โดยจะมาท้าวัดมันสมองและไอคิวมวยกับ “พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ที่ข้ามสายมาล่าแชมป์เส้นที่ 2
โดยทั้งคู่จะดวลกันในกติกา คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต โดยมีแชมป์โลกที่ว่างอยู่เป็นเดิมพัน ในฐานะคู่เอกของศึกใหญ่ประจำไตรมาสที่ 2 ONE ลุมพินี 68 วันศุกร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.
เดิมทีการเผชิญหน้าของทั้ง 2 คน ถูกจัดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้งในศึก ONE ลุมพินี 58 เมื่อ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ “ดิ เบลลา” ที่ครองเข็มขัดในขณะนั้น ไม่ผ่านเกณฑ์การวัดระดับน้ำของ ONE เป็นเหตุให้ถูกถอดจากตำแหน่งตามระเบียบ ทำให้แชมป์โลกรุ่นนี้มีสถานะ “แชมป์ว่าง” ทันที ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยถึงเหตุการณ์วันนั้นเอาไว้ว่า
"วันนั้น ผมยังเข้าร่วมงานเจอหน้าก่อนชกอยู่เลย เพราะหวังว่าการแข่งขันจะยังมีต่อไป และผมกำลังจะไปโรงพยาบาล ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรที่ทำให้อาการดีขึ้น ผมจำได้ว่าตอนผมเผชิญหน้ากับ พระจันทร์ฉาย ผมแทบจะกลั้นอาเจียนไว้ไม่ไหว จนเกือบอาเจียนใส่เขาแล้ว ตอนนั้นผมนึกในใจ ‘ห้ามอาเจียนใส่เขาเด็ดขาด ไม่งั้นได้กลายเป็นไวรัลแน่’"
“จากนั้นผมก็ไปโรงพยาบาล ผมก็อาเจียนออกมาพวกเขาจับผมนอนเตียงทันที และเสียบสายน้ำเกลือให้ผม และผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีที่ห้องพักของโรงแรมในวันรุ่งขึ้น ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมยังรู้สึกไม่สบาย แล้วผมก็รู้ตัวว่าผมได้เสียเข็มขัดไปแล้ว ผมรู้สึกใจสลายมากทันทีที่ผมรู้ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น”
โดยการประกบเจอกันครั้งนี้ “ดิ เบลลา” จะได้กลับมาเผชิญหน้ากับ “พระจันทร์ฉาย” อีกครั้ง โดยที่ไฟต์นี้เจ้าตัวเปิดเผยว่าการต้องมาชิงแชมป์โลกต่อหน้าแฟนมวยทั่วสนามลุมพินี เป็นอะไรที่ท้าทาย แต่เจ้าตัวก็มีวิธีคิดในแบบของตัวเองเพื่อเอาชนะในไฟต์นี้
“ผมยังมีความคิดแบบแชมป์ แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นมวยรอง ผมจึงรู้สึกมุ่งมั่นมากขึ้น ผมต้องการชนะทุกไฟต์ ยิ่งตอนนี้ผมไม่มีเข็มขัดแชมป์แล้ว ผมยิ่งต้องการนำมันกลับมาให้ครอบครัวของผม นั่นคือแรงบันดาลใจของผม”
“ผมรู้สึกตื่นเต้นและพร้อมเจอกับ พระจันทร์ฉาย มาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว เราแค่รอเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย ผมพยายามรักษาฟอร์มที่ดีเอาไว้เมื่อกลับมาที่ยิม และทำซ้ำแบบเดิมเหมือนที่เราเคยทำมาก่อนหน้านี้เพื่อเตรียมรับมือกับเขา”
โดยฟากของ “พระจันทร์ฉาย” เพิ่งทวงบัลลังก์มวยไทย คืนได้เมื่อไฟต์ที่แล้ว จากการสับศอกซ้ายเอาชนะน็อก “THE HURRICANE” โจเซฟ ลาซิรี นักชกอิตาลี-โมร็อกโก วัย 32 ปี ตั้งแต่ยกแรก ในศึก ONE ลุมพินี 46 : ตะวันฉาย vs ซุปเปอร์บอน เมื่อ 22 ธ.ค.66 ซึ่งทาง “ดิ เบลลา” มองว่าการเผชิญหน้ากันบนสังเวียนไฟต์นี้คือศึกชิงไหวพริบ ใช้มันสมองในการวัดผลแพ้ชนะ และเจ้าตัวก็พร้อมสำหรับไฟต์นี้แล้ว
“ผมเชื่อว่าใครที่ใช้ไอคิวได้ดีกว่าและฉลาดกว่าจะเป็นผู้ชนะ บนเวทีอาจเป็นการดวลเชิงระหว่างมวยฝีมือ หรืออาจจะเป็นสงครามเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า พระจันทร์ฉาย จะมาไม้ไหน และผมจะสู้แบบไหน แต่แฟน ๆ จะได้เห็นทีเด็ดและจะเป็นไฟต์ที่สนุกแน่นอน ผมไม่สามารถทำนายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างชก แต่รู้แค่ว่าผมต้องออกไปสู้ และสิ่งเดียวที่ผมทำนายได้คือชัยชนะของผม”