นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า), คณะผู้บริหาร และแขกพิเศษที่มาร่วมการประชุมใหญ่สามัญสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ครั้งที่ 74 หรือ ฟีฟ่า คองเกรส ซึ่งมีตำนานนักฟุตบอลระดับโลกมาร่วม อาทิ ยูริ จอร์เกฟฟ์, คาฟู, ดาวิด เทรเซเกต์, ดีด้า, จอห์น โอบี มิเกล, จิลแบร์โต ซิลวา ซึ่ง นายกรัฐมนตรียังได้พบปะ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตโค้ชอาร์เซน่อล ที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลฟีฟ่า ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความสนใจในกีฬาฟุตบอลทั้งไทยและต่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ประธานฟีฟ่า ได้มอบเสื้อหมายเลข 30 ให้นายเศรษฐา และยังเห็นพ้องที่จะสนับสนุนวงการฟุตบอลในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยยินดีให้การสนับสนุนฟีฟ่า ด้าน อินฟานติโน ยินดีอย่างยิ่งกับการเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการจัดประชุมฟีฟ่าครั้งแรกในอาเซียน
นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ไทยได้ต้อนรับผู้แทนจากทั่วโลก โดยมองว่าฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงกีฬา แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่คนไทยให้ความสำคัญด้วย ในฐานะที่เป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอล ตนได้เล่นฟุตบอล และติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลมาตลอด ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงเล่นทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะช่วยทำให้ผ่อนคลายจากการทำงานได้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงช่วงที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย จึงตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมฟุตบอลระดับล่าง เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสมากขึ้น ทำให้ในช่วงก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ก่อตั้งสถาบันสอนฟุตบอล เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสจากทุกสาขาอาชีพให้สามารถเล่นฟุตบอล และเติบโตเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยทุกวันนี้มีความภูมิใจที่เยาวชนบางส่วนได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพและเป็นตัวแทนของทีมชาติไทย จึงมองว่าฟุตบอลไม่เพียงแต่เป็นกีฬาเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสทางสังคมและความเท่าเทียมกันของเยาวชน โดยไม่คำนึงถึงเพศ หรือภูมิหลังทางสังคม
สำหรับประเทศไทย กีฬาฟุตบอลนับเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดีและความเท่าเทียม การเล่นฟุตบอลมีให้เห็นตั้งแต่ริมถนนในตัวเมืองที่พลุกพล่านไปจนถึงหมู่บ้านในชนบท ฟุตบอลเป็นส่วนที่เชื่อมโยงสังคมที่นำมาซึ่งความสุขและมิตรภาพระหว่างคนในสังคม รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ โดยเป็นเวทีที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแข่งขันกันได้อย่างสนุกสนาน ก้าวข้ามอุปสรรคความท้าทาย โดยใช้ความสามารถส่วนบุคคล ข้ามผ่านทัศนคติที่มีต่อกลุ่มคน ทำให้ผู้หญิงสามารถแสดงความสามารถของตนได้ ซึ่งสังคมภายใต้ฟุตบอลให้คุณค่ากับความสามารถมากกว่าเพศ
นอกจากนี้ กีฬาฟุตบอลเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมการเติบโตในทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการพัฒนาในชุมชน รวมไปถึงช่วยปกป้องเยาวชน โดยมอบพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนได้เรียนรู้คุณค่าของความเคารพ การไม่แบ่งแยก และเล่นกีฬาอย่างยุติธรรม ช่วยสร้างรากฐานและกำหนดอนาคตของเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคตของประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า กีฬาฟุตบอลยังช่วยต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติด้วยการส่งเสริมความหลากหลาย ยอมรับความแตกต่าง และความเคารพ เสริมสร้างความเข้าใจ และบริบทระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่าง และสนับสนุนการอยู่ร่วมกันในสังคม
การประชุมฟีฟ่าคองเกรส เป็นโอกาสสำคัญที่เปิดโอกาสให้กำหนดอนาคตของฟุตบอลในระดับโลก มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ ๆ และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ โดยการประชุมครั้งที่ 74 นี้จะตัดสินเจ้าภาพฟุตบอลโลกหญิงปี 2027 และจุดยืนระดับโลกในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเพศและเชื้อชาติในกีฬาฟุตบอล นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าการประชุมนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนวงการฟุตบอลไปสู่อนาคตที่ครอบคลุม มีพลวัต และยั่งยืนมากขึ้น