ในเวลานี้นักว่ายน้ำไทยที่เป็นกระแสมากที่สุดคงหนีไม่พ้น มีอา มิลลาร์ เงือกสาวดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ วัย 16 ปี ที่ฟอร์มแรงทะลุไมล์พังสถิติว่ายน้ำท่ากรรเชียง 100 ม. กับ กรรเชียง 200 ม.กลุ่ม 1 ประเทศไทย ซึ่งระยะ 200 ม.นั้นเป็นการทำลายสถิติของ "เงือกแหวน" ประพาฬสาย มินประพาฬ ในรอบ 29 ปี เลยทีเดียว
ที่ผ่านมาชื่อของ มีอา มิลลาร์ ก็เป็นที่รู้จักของวงการสระไทยมาบ้างแล้ว โดยเธอเริ่มว่ายน้ำตั้งแต่ 6 ขวบ กับ อ.ยุทธนา กุลตัน ที่สระว่ายน้ำ มรภ.จันทรเกษม "ตอนเด็กๆเป็นคนชอบเล่นน้ำมาก เวลาได้เล่นเมื่อไหร่ก็จะเล่นไม่เลิก แล้วครอบครัวชอบพาไปทะเล ก็อยากให้เราปลอดภัยอยากให้ว่ายน้ำเป็นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการว่ายน้ำ จนมาจริงจังตอนอายุ 11 ขวบ เพราะรู้สึกว่าเห็นเพื่อนที่ว่ายด้วยกันได้เหรียญรางวัล ก็อยากได้บ้าง"
"ตอนเริ่มว่ายแรกๆ อ.ยุทธนา ก็จะให้ว่ายทุกท่าเลยเพราะจะได้มีทางเลือกเยอะๆ จนรู้สึกว่าถนัดท่าผีเสื้อมากกว่า แต่พอมีโอกาสไปแข่งว่ายน้ำของกรมพลศึกษาปรากฏว่าว่ายท่ากรรเชียงได้ดีที่สุด จากนั้นมาก็ฝึกกรรเชียงตลอดจนเป็นท่าประจำของตัวเองจนติดแรงกิ้งระดับประเทศ ซึ่งตอนนั้นก็อายุ 12 ขวบ"
จากวันนั้นเป็นต้นมาที่ มีอาร์ เริ่มมีแรงกิ้งระดับประเทศ ชื่อของเด็กลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์รายนี้ ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการที่ว่ายกรรเชียงคว้าแชมป์เรื่อยมาในระดับยุวชน แต่แล้วก็ต้องหยุดลงเนื่องจากทั่วโลกประสพปัญหาโควิดระบาด ซึ่งทุกวงการทั่วโลกก็ต้องหยุดเช่นกัน ทำให้ มีอาร์ ไม่ได้แข่งขันเลย แต่ก็ยังซ้อมต่อเนื่องตามนโยบายป้องกันตัวเองของรัฐบาล
จนกลับมาแข่งได้อีกครั้ง เชื่อหรือไม่ว่าเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึง 15 ปีเต็ม ที่ไม่เคยลงแข่งซีเอจกรุ๊ป ไม่เคยลงแข่งว่ายน้ำระดับนานาชาติมาก่อนเลยอย่าง มีอาร์ มีชื่อติดทีมชาติไทยครั้งแรกในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม โดยการว่ายคัดตัวทำลายสถิติประเทศไทยในรุ่นทั่วไป ด้วยวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น
"ตอนปลายปี 2021 ได้มาคัดตัวกับสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ตอนนั้นติดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่พอมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการตัดตัวครั้งสุดท้ายก็ว่ายกรรเชียง 100 ม.ทำลายสถิติประเทศไทยรุ่นทั่วไป ก็เลยได้ติดซีเกมส์ แต่เมื่อไปแข่งจริงกลับได้เหรียญทองแดงกรรเชียง 200 ม. คือตอนนั้นรู้สึกดีใจมากที่คว้าเหรียญรางวัลได้ในนามทีมชาติไทยครั้งแรก แต่ก็ยอมรับว่าการว่ายในวันนั้นไม่ใช่การว่ายที่ดีที่สุดของตัวเอง เพราะก่อนแข่งก็ตื่นเต้นมากๆ มีร้องไห้ออกมา เพราะกดดันมากๆ เนื่องจากช่วงโควิดไม่ได้แข่งเลย ไม่เคยแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ไม่เคยแข่งซีเอจกรุ๊ป คือหลังโควิดมาแมตช์แรกของตัวเองก็ซีเกมส์เลย"
จะว่าไปไทม์ไลน์ของ มีอา ในการติดทีมซีเกมส์และได้เหรียญรางวัล หรือทำลายสถิติประเทศไทยในวัยที่ยังไม่ถึง 15 ปี จะคล้ายๆกับนักว่ายน้ำรุ่นพี่หลายคนที่ประสบความสำเร็จเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยในอดีต จนตอนนั้นเธอถูกยกให้เป็นวันเดอร์คิดส์ของสระไทย ที่จะต้องจับมาเจียระไน เพื่อสร้างให้เป็นสุดยอดเงือกสาวตามรอยรุ่นพี่
ทว่ากลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะหลังจากจบซีเกมส์ที่เวียดนาม มีอา ได้หายไปจากวงการว่ายน้ำพักใหญ่กินเวลาราวๆ 1 ปีครึ่ง การหายไปคือเธอไม่ได้ลงแข่งรายการที่เป็นทางการเลย จนหลายคนสงสัยว่าเธอหายไปไหน จนสุดท้ายเมื่อเธอกลับมาก็เฉลยว่าไปเคลียร์สภาพจิตใจของตัวเอง ก็เล่นเอาแฟนคลับงงไปตามๆกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักว่ายน้ำสาวดาวรุ่งรายนี้
"ตอนนั้นที่จบซีเกมส์เวียดนามได้เหรียญทองแดงกรรเชียง 200 ม. ด้วยอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากสำหรับตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยแข่งที่ไหนมาก่อน ซึ่งตอนนั้นมันรู้สึกว่าการได้เหรียญซีเกมส์มันคือจุดที่สูงในชีวิตนักกีฬาแล้ว แต่มันสามารถไปได้อีก ซึ่งหนูก็ซ้อมปกติหวังให้เวลามันลดลงอีก แต่ปรากฏว่าสถิติต่างๆที่เคยทำได้ในท่ากรรเชียงที่เป็นท่าถนัดของเรากลับเป็นเวลาที่บวกจากเดิมเยอะมาก มันเลยทำให้เรารู้สึกเครียดและกดดันตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับการว่ายกรรเชียง"
"จนโค้ชบอกให้พักท่ากรรเชียงไว้ก่อนแล้วไปว่ายท่าอื่นแทนเพื่อคลายความกดดันกับสถิติที่บวกขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ซึ่งหนูอยู่กับตัวเองเครียดมากๆ จนเหมือนจะเป็นภาวะซึมเศร้า แบบไม่อยากว่ายน้ำเลย ก็ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ พ่อก็ให้กำลังใจ แต่แม่ก็ไม่คิดว่าหนูจะเป็นซึมเศร้า ก็ได้หาวิธีกลายเครียดคลายความกังวลต่างๆ กินระยะเวลา 1 ปีครึ่ง จนหนูสามารถกลับมาได้อีกครั้ง แต่กลับมาก็ไม่ได้มาในฐานะว่ายกรรเชียง แต่เป็นทีมผลัดฟรีสไตล์"
"ตอนนั้นที่กลับมาได้แบบจริงจังก็คิดว่าการติดทีมชาติชุดเอเชียนเกมส์ในฐานะทีมผลัดฟรีสไตล์มันได้เปิดโลกใบใหม่อีกครั้งที่มันใหญ่กว่าซีเกมส์ ได้เจอนักกีฬาระดับเอเชียมากมาย เหมือนเราได้เจอแรงบันดาลใจใหม่ๆ ความท้าทายใหม่ๆ มันเหมือนเป็นการจุดไฟในตัวเราอีกครั้ง"
สำหรับล่าสุดในการทำลายสถิติประเทศไทยกลุ่ม 1 รายการกรรเชียง 100 ม. กับ 200 ม.ในศึกว่ายน้ำชิงแชมป์ประเทศไทยที่เพิ่งจบไปในช่วงก่อนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการคัมแบ็กอีกครั้งของ มีอา และที่สำคัญยังเป็นการทำลายสถิติในรอบ 29 ปีเลย
"ต้องบอกว่ารายการกรรเชียง 100 ม.เป็นการทำลายสถิติของตัวเองที่เคยทำไว้ และรู้สึกดีใจมากที่ทำได้ 1.04.02 น. เพราะมันใกล้กับสถิติเบสไทม์ของตัวที่เคยทำได้ในตอนที่เป็นเจ้าของสถิติประเทศไทยรุ่นทั่วไปก่อนที่พี่ออย (เสาวนีย์ บุญอำไพ) จะมาทำลายได้ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ส่วนรายการกรรเชียง 200 ม.นั้น ก่อนหน้านี้ก็มีเวลาที่ดีว่ายได้ 2.19 - 2.18 น. มาสักพักแล้ว ซึ่งโค้ชก็ได้ให้ซ้อมเรื่อยๆ และตั้งแต่ที่หนูขึ้นกลุ่ม 1 มา ในตารางสถิติประเทศไทยกลุ่ม 1 ก็เห็นของพี่แหวน (ประพาฬสาย มินประพาฬ) กรรเชียง 200 ม.อยู่มานานมาก แล้วกรรเชียงก็เป็นท่าที่เราถนัดด้วยก็คิดว่าสักวันจะต้องทำลายสถิติให้ได้"
"เชื่อว่านักกีฬาทุกคนก็มีความฝันที่จะไปโอลิมปิกเกมส์ หนูเองก็มีความฝันแบบนั้นเหมือนกันว่าอยากไปโอลิมปิกเกมส์สักครั้ง ในไทยกีฬาว่ายน้ำอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆคน แต่หนูเชื่อว่าสำหรับในอนาคตถ้าทุกคนตั้งใจซ้อมก็จะเป็นไปได้" มีอา มิลลาร์ กล่าวทิ้งท้าย
