หลังจากที่ทีมไอซ์ฮอกกี้หญิงไทยผงาดคว้าแชมป์เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ดิวิชั่น 3 กลุ่มบี จนสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติยังต้องยกนิ้วให้ถึงความเก่งกาจเข้าร่วมปีแรกก็เลื่อนชั้นแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีนักกีฬาสาวไทยคลื่นลูกใหม่แจ้งเกิดหลายคน แต่คนที่เรากำลังพูดถึงก็คือกัปตันทีมคนใหม่ของไอซ์ฮอกกี้ทีมหญิงไทยก็คือ "น้องแพรว" ทิพย์วรินทร ญาณกรธนาพันธุ์ ที่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่นี้ด้วยวัยเพียง 18 ปี
"น้องแพรว" ถือว่าเป็นนักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ความหวังของสาวไทยคนหนึ่ง ด้วยสไตล์การเล่นที่มีทักษะกับความคล่องตัวสูงแถมยังเป็นมือเพชฌฆาตประจำทีม ที่หลายคนในวงการให้การยอมรับว่าเด็กคนนี้มีของ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากครอบครัวในการเดินทางสายกีฬาไอซ์ฮอกกี้
สำหรับ "น้องแพรว" นั้นมีความหลงใหลในการเล่นสเก็ตน้ำแข็งเป็นอย่างมากเริ่มจากกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตในวัยเด็ก ต่อมาเธอก็ได้รู้จักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ก็เกิดความสนใจเลยเข้ามาลองเล่นซึ่งตอนนั้นก็อายุ 11 ปี
"ตอนนั้นแค่อยากเล่นสเก็ตน้ำแข็งทางลานสเก็ตเห็นว่าเป็นผู้หญิงก็เลยแนะนำให้ไปเล่นฟิกเกอร์สเก็ตที่จะเป็นสเก็ตลีลาสวยงาม จากนั้่นพอเห็นน้องชายเล่นไอซ์ฮอกกี้ก็เลยอยากเล่นบ้าง พ่อก็เลยให้ไปเล่นไอซ์ฮอกกี้พร้อมน้องชาย ซึ่งพอได้มาเล่นไอซ์ฮอกกี้ก็รู้สึกสนุกมากสามารถวิ่งสเก็ตใส่พลังได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแตกต่างจากฟิกเกอร์สเก็ตที่ต้องเน้นความสวยงาม"
"ส่วนตัวแล้วกีฬาไอซ์ฮอกกี้มันยากตรงที่เป็นกีฬาใช้แรงปะทะ แต่ว่ารู้สึกว่ามันง่ายกว่าเพราะเราได้รู้สึกว่าเป็นตัวเองมากกว่าเวลาเล่น และมีความสนุกมากเวลาเราได้เล่นกับอุปกรณ์ทั้งไม้ ลูกพัค และการยิงประตู อีกทั้งยังมีพวกเทคนิคเฉพาะที่มันท้าทายเรามากเวลาฝึกไอซ์ฮอกกี้ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าหลงใหลกับกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"
"ตำแหน่งที่เริ่มเล่นครั้งแรกก็คือกองหลัง ซึ่งเราจะต้องมีสมาธิกับเกมเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเราเสียสมาธิหรือมีข้อผิดพลาดก็อาจจะทำให้ทีมเสียประตูได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าผู้รักษาประตู จนต่อมาเคยมีโอกาสเล่นเกมรุกแล้วทำประตูได้ ก็เลยรู้สึกว่าอยากเล่นกองหน้า จึงฝึกซ้อมในแบบกองหน้าจนตอนนี้ก็เป็นผู้เล่นแนวรุกในตำแหน่งเซนเตอร์ทีมชาติไทย"
กว่าที่ "น้องแพรว" จะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซ้อมแล้วก็เก่งจนเป็นว่าที่ดาวยิงคนใหม่ทีมชาติไทย แต่เธอนั้นต้องแลกอะไรหลายๆอย่างโดยเฉพาะชีวิตวัยเด็กที่ทุ่มเทให้กับกีฬาไอซ์ฮอกกี้พร้อมกับทางครอบครัวลงทุนหนักในช่วงปิดเทอมส่งเธอไปฝึกซ้อมที่ประเทศฟินแลนด์, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพัฒนาฝีมือให้ดีกว่าเดิม
"เมื่อปี 2562 ได้ไปเข้าแคมป์ฝึกไอซ์ฮอกกี้ที่ยุโรป ซึ่งคุณพ่อเป็นคนพาไปฝึก ก็ถือว่าได้ประโยชน์เป็นอย่างมากเพราะเราได้เห็นอะไรใหม่ๆ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพื่อมาปรับใช้และพัฒนาฝีมือของเรา ซึ่งใช้เวลาเข้าแคมป์ในช่วงซัมเมอร์ และหลังจากนั้นช่วงมัธยมปลายก็ตัดสินใจเรียนแบบโฮมสคูล เพื่อที่เราจะได้มีเวลามากพอในการฝึกซ้อมและลงแข่งขันไอซ์ฮอกกี้ เพราะในเวลา 1 ปี ลงแข่งเกือบ 10 ทัวร์นาเม้น"
"น้องแพรว" ยังเล่าอีกว่าชีวิตตัวเองตั้งแต่ที่เริ่มเล่นไอซ์ฮอกกี้ก็ไม่เคยทำอะไรอย่างอื่นเล่นเพราะเธอทุ่มเทอย่างเต็มที่แทบจะ 100% ของชีวิตจนในที่สุดก็มีชื่อติดทีมชาติไทยและในรายการแจ้งเกิดก็คือไอซ์ฮอกกี้ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023 (2023 IIHF Women's Asia and Oceania Championship) ซึ่งถือว่าเป็นแมตช์อย่างเป็นทางการและกลับมาจัดแข่งอีกครั้งหลังหยุดโควิดไปเกือบ 2 ปี ซึ่งไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ
พร้อมกับการที่นักกีฬาสาวไทยชุดแชมป์เอเชียเมื่อปี 2019 ทยอยกันเลือกเล่นไปเกือบหมด ทำให้สมาคมต้องผลักดันกลุ่มเด็กอายุ 16-18 ปี ขึ้นมาเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่และเป็นแกนหลักของทีมไปโดยปริยาย และในความที่ "น้องแพรว" คือที่สุดของรุ่นจึงได้รับบทบาทเป็นกัปตันทีม
โดยเจ้าตัวย้อนให้ฟังถึงวันที่ได้รับหน้าที่ดังกล่าวว่า "เป็นกัปตันทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกก็คือศึกชิงแชมป์เอเชียที่ไทยเป็นเจ้าภาพ บอกเลยว่ากดดันเป็นอย่างมากเพราะเราจะต้องป้องกันแชมป์ให้ได้ และยังเล่นในไทยมีกองเชียร์เข้ามาเชียร์เราแน่นสนาม เราจะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดและต้องชนะให้ได้ทุกนัด ซึ่งตั้งแต่นัดแรกจนถึงรอบรองชนะเลิศทีมพลังเด็กของเราก็ช่วยกันเล่นอย่างเต็มที่เอาชนะได้แถมยิงเกิน 10 ลูกทุกนั้นทำให้ทีมมีความมันใจเป็นอย่างมากว่าเรามีโอกาสคว้าแชมป์ได้"
"แต่นัดชิงชนะเลิศไทยเจอกับอิหร่านที่ถือว่าเป็นทีมแกร่งเพราะรอบอื่นๆก็ยิงเยอะพอๆกับไทย แต่เราก็ได้ประตูนำก่อน จากนั้นอิหร่านก็ตีเสมอเป็น 1-1 ตอนนั้นยอมรับว่าทีมไทยสติเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว เพราะว่าอิหร่านเขาเล่นดีมากจริงๆ ทำให้บรรยากาศในทีมตึงเครียดมาก แต่เราก็พูดให้ทุกคนมั่นใจในทีม มั่นใจในตัวเอง"
"ตอนนั้นที่เราเสมอกับอิหร่าน 1-1 กลับมาพีเรียดสาม ก็คิดในใจว่าถ้ายังไม่มีใครทำได้ เราเป็นกัปตันทีม เราต้องทำให้ได้ พร้อมกับให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมว่าพวกเราทำได้ เราต้องสู้ไปด้วยกัน และวันนั้นมีกองเชียร์มาเยอะมากแถมยังถ่ายทอดสดอีก มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าต้องเล่นให้ดีกว่าเดิม เล่นให้ทุกคนเห็นว่าทีมหญิงไทยเก่ง"
แน่นอนว่าในพีเรียดสามทีมสาวไทยเล่นได้ดีมากและ "น้องแพรว" คือคนที่จุดประกายแสงสว่างสามารถทำได้ถึง 2 ประตูช่วยให้ทีมหญิงไทยเอาชนะอิหร่าน 3-1 ป้องกันแชมป์เอเชียได้สำเร็จ ซึ่งผลการแข่งขันนี้ก็ได้สร้างความมั่้นใจให้แก่ทีมหญิงไทยในการไปลุยศึกเวิลด์แชมเปี้ยนชิพครั้งแรก ซึ่ง "น้องแพรว" เล่าถึงการต้องเดินทางไปแข่งในนามทีมชาติไทยบนแผ่นดินยุโรปครั้งแรกว่า "เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 ทีมหญิงไทยไปแข่งเวิลด์แชมเปี้ยนชิพครั้งแรก ซึ่งเป็นรายการระดับโลก ทำให้ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะเป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกในนามทีมชาติไทย"
"ทุกคนได้แข่งกับทีมจากยุโรปที่มีรูปร่างใหญ่ว่าคนไทย แต่เราก็สามารถเอาชนะมาได้จนคว้าแชมป์ดิวิชั่น 3 กลุ่มบี แถมยังได้เลื่อนชั้นไปดิวิชั่น 3 กลุ่มเอ เป็นอะไรที่ภูมิใจเป็นอย่างมาก ซึ่งยอมรับว่าเพื่อนๆทุกคน และพี่ๆซีเนียร์เล่นได้ดีมากๆ และส่วนตัวก็ยอมรับว่าตนเองมีฟอร์มที่ดรอปลงไปจากเดิม เนื่องจากช่วงนั้นอยู่ในช่วงที่เรียนปี 1 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เราจะต้องเก็บบทเรียนในปีนี้มาพัฒนาตัวเองในปีหน้า เพราะเราได้รู้แล้วว่าไปแข่งกับทีมยุโรปไม่ใช่งานง่าย แม้ว่าเราจะเอาชนะเขาได้หมดทุกทีม แต่เราก็ไม่อาจประมาทได้เลย เขามีเกมที่หนักและแรงมาก ซึ่งเป็นรูปแบบที่เราไม่เคยเจอ ทำให้เราต้องกลับมาฝึกเรื่องความแข็งแกร่งอีกเยอะ"
"กับการที่เราอายุเพียง 18 ปี แต่ต้องแบกอายุขึ้นไปเล่นในรุ่นโอเพ่น เป็นอะไรที่ยากมากๆ ต้องปรับตัวเยอะ ซึ่งเราก็อาศัยการฟิตเนสร่างกาย แต่โชคดีที่เพื่อนๆร่วมรุ่นก็ตามขึ้นมาเล่นด้วยทำให้เรามีความสบายใจที่ได้เล่นกับเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ทำให้มีความเข้าใจและเล่นได้ ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กๆ ก็จะเล่นแบกอายุอยู่แล้วเคยมีครั้งนึงตอนนั้นอายุ 13 ปี แต่ต้องไปเล่นแข่งกับทีมรุ่น 16 ปี ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เราเคยเจอมาในวัยเด็ก ทำให้การที่เราอายุ 18 ปี ต้องรับผิดชอบหลายๆอย่างทั้งการเป็นกัปตันทีม การแบกรับความหวังของทีมในการจบสกอร์ หรือ ต้องช่วยเพื่อนเซตเกมรุก ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกกดดันตัวเองในการแบกรับภารกิจนี้ แต่ก็โชคดีที่เพื่อนๆร่วมทีมให้กำลังใจ ทำให้เรารู้ว่าไม่ได้สู้เพียงคนเดียว ทุกคนช่วยกันสู้จนนำชัยชนะมาสู่ประเทศไทย"
นับว่าเป็นโชคดีของทีมไอซ์ฮอกกี้สาวไทยที่มีกัปตันทีมคลื่นลูกใหม่ที่จริงจังกับกีฬาชนิดนี้มากใช้ทั้งชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเองจนก้าวไปเป็นสุดยอดผู้เล่นตัวรุกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ส่วนอนาคตนั้น "น้องแพรว" บอกว่าอยากจะเล่นไอซ์ฮอกกี้ต่อไปเรื่อยๆและอยากพาทีมหญิงไทยไปเล่นในระดับโลกที่สูงกว่าดิวิชั่น 3 และอยากมีโอกาสไปเล่นในสโมสรต่างประเทศเพื่อเปิดประสบการณ์ตัวเอง เพื่อจะได้นำความรู้ประสบการณ์มาพัฒนาทีมหญิงไทยให้แกร่งกว่าเดิม