คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
เมื่อ โจเอล เอ็มบีด ซูเปอร์สตาร์ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส ก้าวลงสนาม 30 วินาทีสุดท้ายของเกม พบ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ จ่าฝูงสายตะวันตก ผู้ชมเต็มความจุสนาม เวลล์ส ฟาร์โก เซ็นเตอร์ ต่างลุกขึ้นยืน
หลายวินาทีต่อมาหลังเกิดการสตีล (แย่งบอล) เอ็มบีด ซึ่งลงเล่นเกมแรกรอบ 8 สัปดาห์ หลังผ่าตัดเอ็นเข่าซ้าย ปะทะกับ เชต โฮล์มเกน เซ็นเตอร์ โอกลาโฮมา ซิตี บริเวณใต้แป้น ส่งผลให้ โฮล์มเกรน พุ่งชนกลุ่มช่างภาพ และ เอ็มบีด ได้ยิงลูกโทษ
เอ็มบีด ส่องฟรีโธรว์ 2 จาก 2 ลูก และหลังจากเพลย์สุดท้ายซึ่ง ธันเดอร์ พลาดลูกยิง 3 แต้มเพื่อตีเสมอ ช่วง 13 วินาทีสุดท้าย เอ็มบีด กับเพื่อนๆ ฉลองชัยชนะ 109-105 บ่งชี้ว่า บิ๊กแมนดีกรีผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของ ฟิลาเดลเฟีย กลับมาแล้ว
ภาพรวมมันเป็นเกมที่ต่ำกว่ามาตรฐานสำหรับ เอ็มบีด สกอร์ 24 แต้ม ยิงฟิลด์โกลเข้าเป้าแค่ 6 จาก 14 ลูก แต่ลูกโทษ 12 ลูกไม่พลาดเลย กับ 6 รีบาวน์ด 7 แอสซิสต์ 3 สตีล และ 6 เทิร์นโอเวอร์ ตลอดการลงเล่น 30 นาที แต่สิ่งสำคัญสุด คือ เอ็มบีด ไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม หลังฝึกซ้อมรูปแบบ 5 ต่อ 5 เต็มเซสชันกับเพื่อนๆ นับตั้งแต่ถูก โจนาธาน คูมิงกา ฟอร์เวิร์ด โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ล้มทับขา วันที่ 30 มกราคม 2024
ตอนนี้ เซเวนตีซิกเซอร์ส ปรับโฟกัสมายัง ไมอามี ฮีต ซึ่งเป็นเกมสำคัญเกมหนึ่งของฤดูกาลปกติ (5 เม.ย.) เอ็มบีด ซึ่งออกอาการอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดระหว่างเกมชนะ ธันเดอร์ น่าจะลงเล่นด้วยเช่นกัน
ขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ของสายตะวันออก นั่งมอง เอ็มบีด และ ซิกเซอร์ส ลุย 6 เกมสุดท้ายของเรกูลาร์ ซีซัน นี่คือเหตุผลว่า การกลับมาของ เซ็นเตอ่ร์วัย 30 ปี จะส่งผลต่อการแย่งชิงพื้นที่เพลย์ออฟอย่างไร
สำหรับ ฟิลาเดลเฟีย มีอยู่ 2 ทางเลือก คลอด 2 สัปดาห์ถัดไป คือ เร่งความฟิต เอ็มบีด และทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการเล่น เพลย์-อิน แน่นอนว่าการกลับมาของ เอ็มบีด ถือเป็นข่าวดี สังเกตจากความเปลี่ยนแปลงของทีมนับตั้งแต่เขาบาดเจ็บปลายเดือนมกราคม
ก่อนเกมพบ โอกลาโฮมา ซิตี เอ็มบีด ไม่เคยเล่นร่วมกับ ไคล์ ลาวรี, คาเมรอน เพย์น 2 ตัวจริง และ บัดดี ฮิลด์ ตัวสำรอง ซึ่งทั้ง 3 คน ย้ายมาช่วงใกล้เส้นตายการเทรด วันที่ 8 กุมภาพันธ์
เมื่อ เอ็มบีด อยู่บนสนามตลอดซีซันนี้ ฟิลาเดลเฟีย ทำสกอร์เฉลี่ย 120.6 แต้ม ต่อการครองบอล 100 ครั้ง และเสีย 110.5 แต้ม สถิติดังกล่าวน่าจะถูกจัดอยู่อันดับ 2 เกมบุกดีสุด และอันดับ 3 เกมป้องกันดีสุดของลีก แต่พอ เอ็มบีด ไม่อยู่ ฟิลาเดลเฟีย ทำสกอร์ต่ำลง 4.9 แต้มต่อการครองบอล 100 ครั้ง แย่สุดอันดับ 9 ของลีก
ตอนนี้มีเหตุผลที่ควรคิดแง่บวกว่า องค์ประกอบทีมรอบๆ เอ็มบีด แข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนบาดเจ็บ ลาวรี การ์ดจ่ายตัวเก๋า ยิงระยะ 3 คะแนนเข้าเป้า 39 เปอร์เซ็นต์ และสร้างสมดุลของเกมรุก-รับ และคุ้นเคยกับ นิค เนิร์ส เฮดโค้ช ซิกเซอร์ส หลังเคยร่วมงานกัน ที่โตรอนโต แร็พเตอร์ส
ขณะเดียวกัน ฮิลด์ เป็นตัวยิง 3 คะแนน ซึ่งเคลื่อนที่แบบไม่มีบอลได้ดี อาจเป็นตัววงนอกที่คอยประสานงานกับ เอ็มบีด เหมือน เจ.เจ. เรดิค และ เซ็ธ เคอร์รี ยุคอดีต เกมปะทะ ฮีต ถือเป็นเกมที่ ซิกเซอร์ส ต้องชนะสถานเดียว เพื่อขยับอันดับให้สูงกว่าที่ 8 นอกจากนี้ ไมอามี ยังเอาชนะ นิว ยอร์ก นิกส์ วันเดียวกัน (3 เม.ย.) จึงกุมความได้เปรียบ 1.5 เกม และสถิติเฮด-ทู-เฮด ชนะ 2 แพ้ 1
ชัยชนะของ ฮีต อาจหมายถึงพวกเขาสามารถจบฤดูกาลปกติ สถิติชนะ 3 แพ้ 3 เพื่อการันตีอันดับที่ดีกว่า ฟิลาเดลเฟีย ด้วยเฮด-ทู-เฮด (ซิกเซอร์ส เฮด-ทู-เฮด ด้อยกว่า อินเดียนา เพเซอร์ส ชนะ 1 แพ้ 2) โดย ไมอามี จะเล่น 2 เกมเหย้าติดต่อกัน พบ โตรอนโต แร็พเตอร์ส ตัวเต็งดราฟต์เบอร์ 1 ถือว่ามีโอกาสสะดุดขาตัวเองน้อยมาก
กรณี ฟิลาเดลเฟีย ชนะจะตีเสมอซีรีส์ 2-2 เป็นเหตุให้ตัดสินกันด้วยสถิติเจอทีมตคอนเฟอเรนซ์เดียวกัน ฮีต ชนะ 29 แพ้ 18 เหนือกว่า ซิกเซอร์ส ชนะ 27 แพ้ 21 และยังเข้าใกล้ความเป็นจริงสำหรับการจบเรกูลาร์ ซีซัน ด้วยอันดับดีกว่า ไมอามี บนตารางสายตะวันออก
หลังจบเกม ไมอามี เรียบร้อยแล้ว ซิกเซอร์ส ต้องปิดซีซันโดยลงเล่นกับทีมอันดับต่ำกว่า 4 จาก 5 เกม ถึงแม้ว่า ออร์แลนโด แมจิก มีสถิติดีกว่า แต่ ฟิลาเดลเฟีย ยังคงเป็นต่อด้วยการเล่นเกมเหย้า และ เอ็มบีด ฟิตเต็มร้อย
กรณี ซิกเซอร์ส ชนะทั้งหมด ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าจะแซงทั้ง ฮีต และ อินเดียนา เพเซอร์ส ติดท็อป 6 ของคอนเฟอเรนซ์ โดยไม่ต้องเสียแรงเล่นเพลย์-อิน
อันดับของ ซิกเซอร์ส ย่อมส่งผลต่อทีมหัวตารางสายตะวันออกเช่นกัน ไม่มีทีมใดต้องการปะทะผู้เล่นระดับ MVP ตั้งแต่รอบแรก เป็นรางวัลตอบแทนของการจบท็อป 3
กรณี ฟิลาเดลเฟีย ชนะรอบแก้ตัว เพลย์-อิน และได้สิทธิ์ทีมวางอันดับ 8 นั่นหมายถึงการดวลกับ บอสตัน เซลติกส์ ปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังดวลกันมารอบรองชนะเลิศ สายตะวันออก เมื่อปี 2023
ขณะที่ ซิกเซอร์ส มีสิทธิ์หล่นเป็นทีมวางอันดับ 7-8 แบบเซอร์ไพรส์ เซลติกส์ ทีมอันดับ 1 ของลีก และ มิลวอกี บัคส์ ทีมวางอันดับ 2 ยังคงเหนือกว่าในซีรีส์รอบแรก แต่ถ้าขยับขึ้นมาถึงอันดับ 6 แน่นอนว่า คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส, นิคส์ และ แมจิก ที่ยังเบียดๆ กันอยู่ ย่อมมีเสียวหลังกันบ้าง
