ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส พลิกจากตาม 17 แต้ม ช่วงพักครึ่ง ชนะ ดีทรอยต์ ไลออนส์ 34-31 หลัง บร็อค เพอร์ดี ควอเตอร์แบ็ก ขว้าง 267 หลา 1 ทัชดาวน์ ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) รอบชิงชนะเลิศ สายเอ็นเอฟซี (NFC) ที่สนาม ลีวายส์ สเตเดียม วันจันทร์ที่ 29 มกราคม
โฟร์ตีไนเนอร์ส สกอร์ 17 แต้ม ภายในเวลา 8 นาทีของควอเตอร์ 3 เพื่อตีเสมอ แล้วทิ้งห่างควอเตอร์ 4 เพื่อล้างตา แคนซัส ซิตี ชีฟส์ ศึกซูเปอร์โบว์ล เมื่อ 4 ปีก่อน
ซาน ฟรานซิสโก คัมแบ็กครั้งที่ 4 จากตกเป็นรองอย่างน้อย 17 แต้ม เฉพาะเกมชิงแชมป์สาย ด้วยบิ๊กเพลย์ของ เพอร์ดี กับ ความผิดพลาดของ ไลออนส์ รวมเล่นดาวน์ที่ 4 ไม่สำเร็จ 2 ครั้ง บริเวณพื้นที่ฟิลด์โกล
คริสเตียน แม็คแคฟฟรีย์ รันนิงแบ็ก ไนเนอร์ส วิ่ง 2 ทัชดาวน์ และ เอลิจาห์ มิตเชลล์ ตัวสำรอง วิ่งทัชดาวน์ 3 หลา หนีไปเป็น 34-24 เหลือเวลา 3 นาที 2 วินาที
ซีซันอันน่าอัศจรรย์ของ ไลออนส์ ปิดฉากลงอย่างน่าเศร้า หลังขึ้นนำ 24-7 ช่วงพักครึ่ง แล้วปิกเกมไม่ได้
ซาน ฟรานซิสโก เตะฟิลด์โกลตีตื้นในไดรฟ์การบุกชุดแรกของครึ่งหลัง ก่อนสถานการณ์พลิกผันด้วยเวลาเพียง 4 นาที แดน แคมป์เบลล์ เฮดโค้ช ดีทรอยต์ เสี่ยงเล่นดาวน์ที่ 4 ต้องการ 2 หลา ตรงเส้น 28 แดนคู่แข่ง แต่ จอช เรย์โนลด์ส รับบอลไม่อยู่ เสียเทิร์นโอเวอร์ ออน ดาวน์
ไลออนส์ ดูเหมือนได้อินเทอร์เซ็ปต์ จังหวะ เพอร์ดี ขว้างแนวลึก บอลกระดอนหน้ากากของ คินเดิล วิลเดอร์ เข้ามือ แบรนดอน ไอยุก ปีกนอก โฟร์ตีไนเนอร์ส ได้ระยะ 51 หลา และ 3 เพลย์ต่อมา เพอร์ดี ขว้างทัชดาวน์ 6 หลาให้ ไอยุก ไล่มาเป็น 17-24
เพลย์ถัดมา จาห์ไมเออร์ กิ๊บบ์ส รันนิงแบ็ก ดีทรอยต์ เสียฟัมเบิล (บอลหลุดจากการครอบครอง) ทำให้ แม็คแคฟฟรีย์ วิ่งทัชดาวน์ที่ 2 ของตัวเอง ระยะ 1 หลา ตีเสมอ 24-24
โฟร์ตีไนเนอร์ส แซงนำครั้งแรกของเกม 27-24 หลัง เจค มูดี เตะฟิลด์โกล 33 หลา จากนั้น แคมป์เบลล์ ปฏิเสธลุ้นเตะฟิลด์โกลเพื่อตีเสมอ ในดาวน์ที่ 4 ต้องการ 3 หลา ตรงเส้น 30 แดนคู่แข่ง ทว่า จาเหร็ด กอฟฟ์ ควอเตอร์แบ็ก ขว้างอินคอมพลีต (รับไม่ได้)
กอฟฟ์ จุดประกายความหวังแก่ ไลออนส์ ขว้างทัชดาวน์ให้ เจมสัน วิลเลียมส์ เหลือเวลา 56 วินาที อย่างไรก็ตาม ไนเนอร์ส ตะครุบ ออนไซด์ คิก การันตัชัยชนะ
ผลการแข่งขันสายเอเอฟซี (AFC) แคนซัส ซิตี ชีฟส์ ได้ แพทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็ก กับ ทราวิส เคลซี ปีกในคู่หู และทีมรับต้านทาน ลามาร์ แจ็คสัน เอาชนะ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ 17-10 ที่สนาม เอ็ม แอนด์ ที แบงค์ สเตเดียม
เคลซี รับบอล 11 ครั้ง รวม 156 ครั้งตลอดอาชีพ เฉพาะเพลย์ออฟ ทุบสถิติของ เจอร์รี ไรซ์ ปีกนอกตำนาน โฟร์ตีไนเนอร์ส ทำไว้ 151 ครั้ง ระยะ 116 หลา 1 ทัชดาวน์ มาโฮมส์ ขว้างบอลเข้าเป้า 30 จาก 39 ครั้ง ระยะ 241 หลา 1 ทัชดาวน์ และ ไอเซียห์ ปาเชโก รันนิงแบ็ก ถือบอล 24 ครั้ง ระยะ 68 หลา 1 ทัชดาวน์
ชีฟส์ ขึ้นนำ 17-7 ช่วงพักครึ่ง และ จัสติน ทัคเกอร์ ตัวเตะ บัลติมอร์ ตะบันฟิลด์โกล 43 หลา เหลือเวลา 2 นาที 34 วืนาที ซึ่งเป็นสกอร์เดียวของครึ่งหลัง
บัลติมอร์ เตะคิกออฟลึก กระทั่งดาวน์ที่ 3 ต้องการ 9 หลา มาโฮมส์ บอมบ์ยาวให้ มาร์เกวซ วัลเดส-สแคนท์ลิง ปีกนอก รับบอล 32 หลา เปลี่ยนเป็นดาวน์ที่ 1 สำเร็จ แล้วฆ่าเวลาจนหมด
เรฟเวนส์ ทีมสถิติดีสุดและผลต่างคะแนนมากสุดของลีก ช่วงฤดูกาลปกติ เสีย 2 ทัชดาวน์ จากการครองบอล 2 ชุดแรกของ แคนซัส ซิตี แล้วออกอาการแตกตื่นนับจากนั้น
ขณะ บัลติมอร์ ตามหลัง 10 แต้ม ช่วงควอเตอร์ 3 เซย์ ฟลาเวอร์ส ปีกนอกรุกกี้ รับบอล 54 หลา บุกมาถึงเส้น 10 แดนคู่แข่ง แล้วถูกโยนธงข้อหาเยาะเย้ยคู่ต่อสู้ ถัดมา ฟลาวเวอร์ส เสียฟัมเบิล (บอลหลุดจากการครอบครอง) บริเวณโกลไลน์ (เส้นประตู) ส่งผลให้ เรฟเวนส์ ไม่ได้สกอร์
ลามาร์ แจ็คสัน ว่าที่ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) สมัยที่ 2 ขว้างบอลเข้าเป้า 20 จาก 37 ครั้ง ระยะ 272 หลา เสีย 2 เทิร์นโอเวอร์ รวมเพลย์ถูกอินเทอร์เซ็ปต์ตรงเอนด์ โซน เหลือเวลา 6 นาที 45 วินาที