ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย "เอเชียน คัพ 2023" กำลังจะรูดม่านเปิดฉากในวันที่ 12 มกราคมนี้ ซึ่งทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายด้วย โดยปัจจุบันมีการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปแล้ว 201 ประเทศทั่วโลก
ล่าสุดจากการเปิดเผยของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ระบุว่ามีการขายลิขสิทธิ์ไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก แต่ไม่มีชื่อของประเทศไทยรวมอยู่ในนั้น แม้ว่า "ช้างศึก" จะได้ร่วมโม่แข้งด้วยก็ตาม
ทั้งนี้มีรายงานว่า ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 รวมถึงเอกชนเจ้าอื่นๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาขอซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยทาง "เอเอฟซี" ต้องการขายแพ็คเกจแบบเหมารวมทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ของไทยต้องการซื้อเพียงแค่แมตช์ที่มีพ "ช้างศึก" แข่งขันเท่านั้น
ขณะเดียวกันนอกจากไทยแล้ว อิหร่าน ก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย แต่ยังไร้วี่แววของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเอเชียน คัพ 2023 เช่นกัน
สำหรับชาติที่ได้ลิขสิทธิ์ในทวีปเอเชีย มีทั้งหมด 37 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, กัมพูชา, จีน, ไต้หวัน, กวม, หมู่เกาะนอร์ทเทิร์น มารีนา, ฮ่องกง, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ปาปัวนิวกินี, ติมอร์ เลสเต, อิรัก, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, คีร์กีซสถาน, มาเก๊า, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, มองโกเลีย, เมียนมาร์, กาตาร์, บาห์เรน, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, ปาเลสไตน์, ซีเรีย, เยเมน, โอมาน, ซาอุดิอาระเบีย, สิงคโปร์, ทาจิกีสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ยูเออี, อุซเบกิสถาน, เวียดนาม
อย่างไรก็ตามเรื่องการซื้อ-ขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 เป็นเรื่องระหว่างผู้ดูแลด้านสิทธิประโยชน์ของเอเอฟซี กับตัวแทนด้านการถ่ายทอดสดในแต่ละประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แต่อย่างใด
"ช้างศึก" ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ มีคิวลงเล่นฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ นัดแรก พบ คีร์กีซสถาน วันที่ 16 ม.ค. ต่อด้วยพบ โอมาน วันที่ 21 ม.ค. และปิดท้ายพบ ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 25 มกราคม 2567