คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
“สวัสดีครับพี่หมอ” “เออหวัดดี...อ้าวเป็นอะไรอ่ะ?” พี่หมอประหลาดใจที่เห็นเจ้าเก่งห่มผ้าผืนใหญ่ ตัวสั่นงั่กงั่กอยู่หน้าชามข้าวต้มร้อนๆ “เป็นหวัดแล้วครับพี่หมอ เมื่อคืนลืมห่มผ้านอนก็ตอนหัวค่ำยังไม่หนาวเลย ผมเลยใส่เสื้อบางๆนอน เช้าเลยเป็นไข้ตัวร้อน พี่หมอช่วยจัดยาให้ด้วยนะครับ” พี่หมอเข้าไปแตะหน้าผากร้อนจี๋เลย” แต่เจ้าเก่งร้อง “อู๊ย! มือพี่หมอเย็นเจี๊ยบเลย!” “เออ..ไปหาเสื้อหนาวใส่ซะ เดี๋ยวพี่จัดยาให้...อากาศมันเปลี่ยวเร็ว...เฮียเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ยิ่งเป็นภูมิแพ้อยู่ด้วย”
ฤดูหนาว เป็นฤดูที่คนไทยหลายคนชื่นชอบ เพราะประเทศเราเป็นเมืองร้อนจึงไม่ค่อยพบเจอกับอากาศหนาวมากนัก ถึงแม้จะไม่ได้มีหน้าหนาวยาวนานเท่าหลายๆประเทศ แต่บางครั้งอากาศที่หนาวเย็นอาจนำพาความเจ็บป่วย หรือเกิดโรคบางโรคได้หากไม่ดูแลสุขภาพให้ดี
โรคที่พบบ่อยเมื่อเวลาอากาศหนาว อากาศหนาวอาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรังก็อาจทำให้หอบมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าติดไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย หรือผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่เดิม โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้สิ่งต่างๆภายในบ้าน เช่น ขนสัตว์เลี้ยง ไรฝุ่น ก็อาจทำให้มีอาการมากขึ้นได้ในฤดูหนาวนี้ ทำให้มีอาการจาม น้ำมูกไหลมากขึ้น
1.โรคไข้หวัด ในโรคของเรามีเชื้อไวรัสหลายร้อยชนิด ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ทางอากาศ ทำให้มีอาการไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ระคายคอ โยทั่วไปจะหายได้เองภายใน1สัปดาห์ และไม่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งการดูแลรักษาตามอาการ เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ กินยาแก้ไข้ลดน้ำมูก
2.โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ Influenza Virus ซึ่งมี 3 ชนิด คือ ชนิดA ทำให้เกิดโรครุนแรง และมีอาการแพร่กระจายได้ง่าย ชนิดB และ C อาการไม่ค่อยรุนแรงและพบน้อยกว่า การติดต่อมาจากน้ำมูก น้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดโรคภายใน 1-3วัน นอกจากนี้อาจติดต่อโดยการสัมผัสสิ่งของที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได แก้วน้ำ โทรศัพท์ เป็นต้น ดังนั้นควรล้างมือบ่อยๆ และไม่ควรจับบริเวณใบหน้า อาการของไข้หวัดใหญ่มีตั้งแต่ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีไข้ มักมีอาการมากในช่วง 3-4 วันแรก หลังจากนั้นอาจมีเจ็บคอ ไอแห้ง คัดจมูก น้ำมูกไหล อาการจะอยู่ประมาณ 7-10 วัน ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ และให้การรักษาตามอาการ ดื่มน้ำมากๆ ในเด็กควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพริน เนื่องจากอาจเกิดตับวาย หรือสมองอักเสบได้ สำหรับผู้ที่มีอาการมาก แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างใกล้ชิดและถูกต้อง
3.โรคหอบหืดและโรคปอดเรื้อรัง อาจเกิดกำเริบในช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะหากติดเชื้อไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย ดังนั้นการดูแลสุขภาพให้ดี พกยาแก้หอบติดตัว และควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
4.โรคภูมิแพ้ อาจกำเริบขึ้นโดยเฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนใหม่ๆ ทำให้มีอาการคัดจมูก คันตา จาม น้ำมูกใส คัดจมูกตลอดเวลา บางรายอาจมีผื่นคัน ควรหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ สวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ
การดูแลสุขภาพในช่วงอากาศหนาว เช่น อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเท หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีโรคระบาด ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ล้างมือบ่อยๆ และไม่เผลอไปสัมผัสบริเวณใบหน้า สวมเสื้อกันหนาวทำร่างกายให้อบอุ่น ควรสวมหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูกเวลาไอจาม ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาแน่นอน และขอให้สุขสันต์เทศกาลปีใหม่นะครับ