ลาส เวกัส เรดเดอร์ส ถล่ม แอลเอ ชาร์เจอร์ส ขาดลอย 63-21 ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เธิร์สเดย์ ไนท์ ที่สนาม อัลเลเจียนท์ สเตเดียม วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม ตามเวลาไทย
เรดเดอร์ส คืนฟอร์มเพียง 4 วัน หลังฟอร์มแย่สุดของซีซัน แพ้ มินเนโซตา ไวกิงส์ 0-3 วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 ธ.ค.) สกอร์ 42 แต้มแค่ครึ่งแรก และไม่ปล่อยให้ ชาร์เจอร์ส ข้ามเส้นครึ่งสนามกระทั่งควอเตอร์ 3
"สลัดดำ" ทุบสถิติแฟรนไชส์เดิม ชนะ เดนเวอร์ บรองโกส์ 59-14 วันที่ 24 ตุลาคม 2010 ขณะที่ ชาร์เจอร์ส เสียแต้มมากสุดของแฟรนไชส์ นับตั้งแต่เสีย 57 แต้มแก่ เซ็นต์ หลุยส์ แรมส์ วันที่ 1 ตุลาคม 2000
เรดเดอร์ส ขึ้นนำ 42-0 ช่วงพักครึ่ง ทุบสถิติแฟรนไชส์ทำไว้ 38 แต้ม พบ บรองโกส์ ปี 2010 ขาดแค่ 3 แต้มจะทาบสถิติ NFL ซึ่ง นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ ขึ้นนำ เทนเนสซี ไตตันส์ 45-0 หลังจบ 2 ควอเตอร์แรก เมื่อปี 2009 โดยผลต่างคะแนน 42 แต้ม เท่ากับเกม กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส ชนะ ชิคาโก แบร์ส ปี 2014 และ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ปี 1983
ส่วน ชาร์เจอร์ส ตกเป็นรองคู่แข่งช่วงพักครึ่งมากสุดของแฟรนไชส์ นับตั้งแต่ตามหลัง แพทริออตส์ 0-31 เมื่อปี 1997
เรดเดอร์ส (ชนะ 6 แพ้ 8) ซึ่งเสียแค่ 1 ฟิลด์โกล ทำระยะรวม 202 หลา แต่ยังพ่าย ไวกิงส์ ได้ระยะจาก ชาร์เจอร์ส (ชนะ 5 แพ้ 9) 283 หลา เฉพาะครึ่งแรก
ลาส เวกัส นำห่าง 63-7 ก่อนเสีย 2 ทัชดาวน์ท้ายเกมแก่ ชาร์เจอร์ส
ไอแดน โอ'คอนเนลล์ ควอเตอร์แบ็ก ขว้าง 4 ทัชดาวน์ เฉพาะครึ่งแรก จบเกมได้ระยะ 248 หลา
ทีมรับ ลาส เวกัส ทำ 2 ทัชดาวน์ครึ่งหลัง จังหวะวิ่งย้อนฟัมเบิล (บอลหลุดจากการครอบครอง) และ อินเทอร์เซ็ปต์ นับเป็นครั้งแรกซึ่ง เรดเดอร์ส ได้ 2 ทัชดาวน์จากทีมรับ นัยตั้งแต่พบ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ปี 2006
อีสตัน สติ๊ค ควอเตอร์แบ็ก ชาร์เจอร์ส ลงเล่นตัวจริงครั้งแรกแทน จัสติน เฮอร์เบิร์ต เจ็บนิ้วหัวแม่มือพักทั้งซีซัน ขว้างคอมพลีต 23 จาก 32 ครั้ง ระยะ 257 หลา 3 ทัชดาวน์ เสีย 1 อินเทอร์เซ็ปต์
เก้าอี้ของ แบรนดอน สเตลีย์ เฮดโค้ช ร้อนระอุ หลังปราชัยแก่ทีมที่แพ้มา 3 เกมรวด และ ชาร์เจอร์ส พ่ายมา 5 จาก 6 เกมล่าสุด
เรดเดอร์ส นำห่างเพียงพอเล่นลูกพลิกแพลง 3 เพลย์ติดต่อกัน ช่วงควอเตอร์ 2 จาโคบี เมเยอร์ส ปีกนอก ขว้างให้ ดาว่นเต อดัมส์ ปีกนอก, เทร ทัคเกอร์ ปีกนอก ถือบอลวิ่ง และ แบรนดอน โบลเดน วิ่งทัชดาวน์ 26 หลา จากรูปแบบ ไวล์ดแคท (สแน็ปบอลให้รันนิงแบ็กโดยตรง)
เริ่มครึ่งหลัง เมเยอร์ส ขว้างบอลให้ อดัม อีกครั้ง คราวนี้เป็นการทำทัชดาวน์ระยะ 3 หลา หนีไปเป็น 49-0
ไดรฟ์ถัดมา ชาร์เจอร์ส ข้ามเส้นครึ่งสนาม หลัง สติ๊ค ขว้างทัชดาวน์ 79 หลา ให้ โจชัว พาลเมอร์ นับเป็นครั้งแรกของเกมซึ่งทีมบุกเกินเส้น 50 หลา
