ศึกมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ARMY COMBAT SPORTS BY NSDF AT KANCHANABURI ปิดฉากอย่างสวยงาม ได้สุดยอดนักสู้ต้นแบบกาญจนบุรีพร้อมเดินหน้ายกระดับสู่กีฬาอาชีพ
สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกาญจนบุรีโดยการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติผนึกกำลัง กองทัพบก โดยสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว และกีฬาทหารบก และกองพลทหารราบที่ 9 จัดการแข่งขันชกมวยไทย รายการ “ARMY COMBAT SPORTS BY NSDF AT KANCHANABURI” เพื่อยกระดับมาตรฐาน และพัฒนากีฬา “มวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง” พร้อมผลักดันจ.กาญจนบุรีสู่ต้นแบบ“ศูนย์พัฒนากีฬา และจัดการแข่งขันกีฬาต่อสู้เพื่อความเป็นเลิศ และต่อยอดสู่นักกีฬาอาชีพ” ประจำภูมิภาค โดยมีสโมสร, ค่ายมวย, ชมรมกีฬาศิลปะการต่อสู้ในสถาบันการศึกษา ฯลฯ ส่งนักกีฬาเข้าชิงชัยคับคั่ง ระหว่างวันที่ วันที่ 1-2 ธันวาคม 2566 ณ สนามมวยค่ายพระยาเสือ ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยพิธีปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการและการมอบเหรียญรางวัลได้รับเกียรติจาก พลเอก ชินวัฒน์ แม้นเดช นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็นประธานในพิธิปิด พร้อมด้วย พันเอก ศักดิ์สิทธิ์ รื่นนอก รองผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยว และกีฬากองทัพบก เข้าร่วมงาน
พลเอก ชินวัฒน์ แม้นเดช นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกาญจนบุรีกล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของชาวจังหวัดกาญจนบุรี มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติและกองทัพบกโดยสำนักงานท่องเที่ยว และกีฬากองทัพบก ให้จัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬามวยไทย และคิกบ๊อกซิ่งรายการ“ARMY COMBAT SPORTS BY NSDF AT KANCHANABURI” ในครั้งนี้นับเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ และส่งเสริมให้นักมวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง ตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงระดับอาชีพของจังหวัดกาญจนบุรี มีขวัญกำลังใจในการมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพกีฬามวยอย่างเป็นระบบ จากระดับสมัครเล่นไปสู่นักมวยทีมชาติ และระดับอาชีพ นอกจากนี้ยังได้รับโอกาสเป็นจังหวัดต้นแบบของโครงการ “ศูนย์พัฒนากีฬา และจัดการแข่งขันกีฬาต่อสู้เพื่อความเป็นเลิศ และต่อยอดสู่นักกีฬาอาชีพ” ของภาคกลาง ด้วยการปรับปรุง และมอบอุปกรณ์การฝึกซ้อมประจำค่ายมวยระดับมาตรฐานให้แก่ค่ายมวยพระยาเสือแห่งนี้ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกๆ การสนับสนุน และทุกฝ่ายๆ ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจผลักดัน ให้เกิดกิจกรรมดีๆ นี้ขึ้น รวมถึงผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนที่ทำให้กิจกรรมในครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
ขณะที่ พันเอก ศักดิ์สิทธิ์ รื่นนอก รองผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยว และกีฬากองทัพบก เผยว่า การจัดแข่งขันมวยไทย รายการ“ARMY COMBAT SPORTS BY NSDF AT KANCHANABURI” ครั้งนี้ นับว่าเป็นอีกก้าวของความสำเร็จ เพราะสามารถสร้างแรงดึงดูดและความสนใจจากนักกีฬา และนักท่องเที่ยวที่นิยมกีฬาประเภทต่อสู้ หรือCombat Sport ในจังหวัดกาญจนบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ให้เข้ามาร่วมและชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมกีฬาที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพบก และภาคประชาชน ให้สามารถใช้พื้นที่ในเขตทหารอย่างคุ้มค่า เป็นทางเลือกในการจัดกิจกรรมกีฬา นันทนาการ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของชาวจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย
ด้าน ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติกล่าวว่า ปัจจุบันมวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง เป็นหนึ่งในกีฬาประเภทต่อสู้ หรือ“Combat Sport” เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในสายตาชาวต่างชาติทาง กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจึงได้เข้ามาให้การสนับสนุนวงการมวยไทย และคิกบ๊อกซิ่งในทุกด้าน อาทิ การจัดแข่งขันมวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง การแข่งขันไหว้ครูมวยไทย การฝึกสอนทักษะ “แม่ไม้มวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง”จากนักมวยไทย และคิกบ๊อกซิ่งที่มีชื่อเสียง รวมถึงการปรับปรุงสถานที่ ค่ายมวยรวมทั้งมอบอุปกรณ์การฝึกซ้อมที่มีมาตรฐานประจำค่ายมวย เช่น สนามมวยค่ายพระยาเสือ ของจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นต้นแบบการจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนากีฬา และจัดการแข่งขันกีฬาต่อสู้เพื่อความเป็นเลิศ และต่อยอดสู่นักกีฬาอาชีพ” ของภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป สอดรับกับยุทธศาสตร์การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทย
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย การแข่งขันมวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง โดยมีนักมวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง ทั้งระดับเยาวชนจนถึงระดับอาชีพ จำนวน 14 คู่จากค่ายฝึกสอนมวยไทยทั่วประเทศ การประกวด “ไหว้ครูมวยไทย”ชิงถ้วยรางวัลจาก ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อสร้างรูปแบบมาตรฐานให้เกิด “ท่าทางการไหว้ครูมวยไทย” ที่ถูกต้อง สวยงาม ตามแบบฉบับท่าแม่ไม้มวยไทยมาตรฐาน หรือ one standard muaythai กิจกรรมฝึกสอนทักษะ “แม่ไม้มวยไทย และคิกบ๊อกซิ่ง” ให้แก่นักมวยระดับเยาวชนในจังหวัดกาญจนบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนที่สนใจกีฬาต่อสู้ (Combat Sport) ลำดับสุดท้ายปรับปรุงเวทีแข่งขัน เวทีซ้อม และมอบอุปกรณ์การฝึกซ้อมประจำค่ายมวยระดับมาตรฐาน ให้แก่ค่ายมวยพระยาเสือ กองพลทหารราบที่ 9 เพื่อให้เป็นต้นแบบของ “ศูนย์พัฒนากีฬา และจัดการแข่งขันกีฬาต่อสู้เพื่อความเป็นเลิศ และต่อยอดสู่นักกีฬาอาชีพ” ประจำภาคกลาง