คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
สร้างแรงกระเพื่อมไปทั้งวงการ สำหรับสมาคมมวยโลก WBA ของท่านประธานกิลเบอร์โต้ เมนโดซ่า ที่ออกมาประกาศก้องว่าจะจัดตั้งพิกัดน้ำหนักรุ่นสำหรับมวยโลกเพิ่มเติม เรียกว่ารุ่น “ซูเปอร์ครุยเซอร์เวท” พิกัดน้ำหนักที่ 200 ปอนด์ ถึง 224 ปอนด์ เพื่อให้เป็นรุ่น “คั่นกลาง” ระหว่างรุ่นครุยเซอร์เวท (พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 200 ปอนด์) กับรุ่นเฮฟวี่เวท (ปกติคือน้ำหนัก 200 ปอนด์ขึ้นไปโดยไม่จำกัด) ซึ่งจะทำให้มวยโลกในรายการของ WBA มีพิกัดน้ำหนักเพิ่มจาก 17 รุ่นเป็น 18 รุ่นโดยทาง WBA ให้เหตุผลว่าจะทำให้การชกมวยมีความยุติธรรมมากขึ้น คือให้มวยน้ำหนักตัวไล่ๆ กันจริงๆ มาชกกัน เพราะปัจจุบันมวยรุ่นเฮฟวี่เวทนั้นมีการปล่อยน้ำหนักกันขึ้นไปมาก อย่าง “ยิปซี คิง” ไทสัน ฟิวรี่ ตอนนี้ขึ้นชกแต่ละทีน้ำหนักตัวอยู่แถวๆ 270 ปอนด์ตลอด “เอเจ” แอนโธนี่ โจชัว, “จอมมหึมา” โจ จอยซ์ หรือ “ยักษ์จีน” จางจื่อเล่ย ก็ชกแถวๆ 250 ปอนด์ทั้งนั้น ในขณะที่ยอดมวยยูเครนอย่างโอเล็กซานเดอร์ อูซิก น้ำหนักตัวอยู่แถวๆ 220 ปอนด์ “จอมน็อคเอ๊าท์” อย่าง “ไอ้ลูกระเบิดบรอนซ์” ดีออนเตย์ ไวล์เดอร์ ก็ชกอยู่แถวๆ 220 ปอนด์ WBA เลยมองว่าทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันมากเกินไป จึงจำเป็นต้องตั้งมวยโลกพิกัดน้ำหนักใหม่นี้ขึ้นมา ตอนนี้กำลังเร่งจัดอันดับนักมวยอยู่ และน่าจะจัดชิงแชมป์โลกคนแรกของรุ่น “ซูเปอร์ครุยเซอร์เวท” ได้เร็วๆ นี้
เอาจริงตัวอย่างนักมวยที่ยกตัวอย่างมานี้ แม้จะน้ำหนักตัวเสียเปรียบ แต่ก็ประสบความสำเร็จด้วยดีในการชกรุ่นเฮฟวี่เวทที่ไม่จำกัดพิกัดน้ำหนัก “ไอ้ลูกระเบิดบรอนซ์” ดีออนเตย์ ไวล์เดอร์ ก็น็อกใครต่อใครมาหมด มวยตัวใหญ่ๆ ซะอีกที่ต้องกลัวพลังหมัดของนักชกรายนี้ หรือโอเล็กซานเดอร์ อูซิก ก็เป็นแชมป์โลกเข็มขัด 3 เส้น ด้วยการเอาชนะ “เอเจ” ที่ตัวใหญ่กว่ามากๆ ถึง 2 ไฟต์ ไฟต์ล่าสุดก็เอาชนะ “ทริปเปิ้ล ดี” แดเนียล ดูบัวส์ ที่ขึ้นชกด้วยน้ำหนักที่มากกว่าถึง 13 ปอนด์ได้ เรียกว่ามวยที่ตัวใหญ่ๆ หน่อย เขาก็อยากไปพิสูจน์ฝีมือกับยอดมวยในรุ่นเฮฟวี่เวททั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้ในปี 2020 สภามวยโลก WBC โดยท่านเมาริซิโอ สุไลมาน ชิงออกตัวนำไปก่อนแล้ว ด้วยการตั้งรุ่น “บริดเจอร์เวท” ขึ้นมา โดยตอนนั้นทาง WBC ก็กำหนดพิกัดน้ำหนักไว้ที่ 200 ปอนด์ถึง 224 ปอนด์เหมือนกัน แต่ประกาศ “โร้ดแมพ” ไว้ว่าจะลดพิกัดขึ้นต่ำลงมาเป็น 191 ปอนด์ และปรับพิกัดน้ำหนักสูงสุดของรุ่นครุยเซอร์เวทจากไม่เกิน 200 ปอนด์ เป็นไม่เกิน 190 ปอนด์ ซึ่งก็จะทำให้มวยรุ่นครุยเซอร์เวทของสภามวยโลก มีพิกัดน้ำหนักที่แตกต่างจากรุ่นครุยเซอร์เวทขององค์การมวยโลกรายอื่นๆ ยุ่งยากเข้าไปอีก แต่ผ่านมา 2 ปีเกือบ 3 ปีแล้ว มวยโลกรุ่นบริดเจอร์เวทของ WBC ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย เอาง่ายๆ เลยจะมีแฟนมวยโลกซักกี่คนที่เคยรู้บ้างว่ามวยรุ่นนี้มีแชมป์โลกมาแล้วกี่คน มีใครบ้าง ว่ากันไปแล้วก็ต้องยอมรับว่ามวยตั้งแต่รุ่นไลท์เฮฟวี่ ไปถึงครุยเซอร์ ก็ไม่โด่งดังติดปากแฟนมวยเท่าไหร่ จากมิดเดิ้ลแล้วไปเฮฟวี่เลยถึงจะมันส์และดังจริงๆ และเงินเยอะจริงๆ มาตั้งรุ่นซูเปอร์ครุยเซอร์ หรือบริดเจอร์ แบบนี้ก็น่าจะดังยาก
ข่าวนี้ออกมาแฟนมวยร้องยี้ไปตามๆ กัน เพราะแฟนมวยทุกคนบ่นกันมานานมากแล้วว่าวงการมวยโลกทุกวันนี้แชมป์โลกมัน “เฝือ” จนศักดิ์ศรีของแชมป์โลกตอนนี้มันด้อยลงมาเยอะ ยิ่งมามีพวก “แชมป์เงา” “แชมป์เฉพาะกาล” “แชมป์หยุดชก” (Champion in Recess) แชมป์ปกติ แชมป์ “ซูเปอร์” “แชมป์เข็มขัดเงิน” ฯลฯ ยุ่งไปหมดจนแชมป์โลกเดินจะเหยียบเท้ากันตายอยู่แล้ว ยังจะมาเพิ่มรุ่นเพิ่มแชมป์โลกขึ้นมาอีก งานนี้สมาคมมวยโลกอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ว่าตั้งมาก็เพื่อเรียกเก็บ “ค่าต๋ง” ในการจัดการชกเพิ่มขึ้นอีกรุ่นหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้ทาง WBO ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ส่วน IBF ยังเฉยๆ แต่ระยะยาวกลิ่นของเงินมันหอมหวน WBO และ IBF ก็อาจออกมาตั้งรุ่นใหม่ของตัวเองขึ้นมาอีกเหมือนกัน แบบนี้รังแต่ทำให้วงการมวยโลกที่ตกต่ำและน่าเบื่ออยู่แล้ว ตกต่ำและน่าเบื่อลงไปอีกเรื่อยๆ แน่นอน