"อิชิอิ" เผย ถูกหลอกให้รอเสียบกุนซือ "ช้างศึก" หยัน "ไทย" ไม่น่าได้ไปบอลโลกเพราะยังไม่เห็นทำอะไร

มาซาทาดะ อิชิอิ อดีตกุนซือใหญ่ของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกมายอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาตนถูกทาบทามให้เข้าไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติไทย คนใหม่ แทนที่ของ มาโน โพลกิ้ง โดยถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานฝ่ายเทคนิคเพื่อรอเสียบตำแหน่งดังกล่าว แต่สุดท้ายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันจากเบื้องบน

เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Think Curve - คิดไซด์โค้ง" บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการถูกแต่งตั้งเป็นประธานเทคนิคทีมชาติไทย เพื่อรอเสียบตำแหน่งเฮดโค้ชของ มาโน โพลกิ้ง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลง เพราะมีคนผิดคำพูด

"ในตอนจบฤดูกาล 2022-23 ทางบุรีรัมย์ มีการคุยกันว่าจะมีโค้ชเข้ามาช่วยงานเพิ่ม (อาเธอร์ ปาปาส กุนซือบุรีรัมย์ คนปัจจุบัน) แล้วมีการพูดคุยให้ตนไปเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย ในช่วงคิงส์คัพ แต่อาจไปนั่งประธานเทคนิคก่อน จากที่คุยตอนแรก ตนก็คิดว่าได้เป็นเฮดโค้ชหลังแข่งขันคิงส์คัพ แต่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ตนก็คิดว่าจะเป็นประธานเทคนิคต่อ แต่เรื่องเงียบไป ไม่ได้มีการเซ็นสัญญา" อดีตเฮดโค้ชบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เริ่มกล่าว

"หลังจากที่แถลงข่าวได้มีการประชุมกับ มาดามแป้ง ผู้จัดการทีม และนายเนวิน ชิดชอบ พูดกันว่าหลังจบคิงส์คัพ ตนจะเป็นเฮดโค้ช รอมาโน่ลงจากตำแหน่งหลังคิงส์คัพ แต่หลังคิงส์คัพในตอนแถลงข่าวจะเห็นว่ามาดามแป้งยืนยันให้มาโน่เป็นเฮดโค้ชต่อ"

"และหลังจากจบคิงส์คัพได้ 2 วัน มาดามแป้ง ก็แจ้งว่าไม่ได้เป็นโค้ชทีมชาติไทยแล้ว เมื่อถามว่าจะเป็นประธานเทคนิคไหม ครั้งนี้คือเป็นประธานเทคนิคจริงจัง ไม่ใช่เป็นเพื่อรอมาโน่ออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีสัญญาอย่างเป็นรูปธรรมมาให้เซ็น ก็เลยไม่ได้คุยต่อ"

ขณะเดียวกัน มาซาทาดะ อิชิอิ ยังพูดเกี่ยวกับอนาคตของทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย กับโอกาสการได้ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยอดีตนายใหญ่คาชิม่า อันท์เลอร์ส ชี้ว่า นักฟุตบอลไทยหลายๆคน ไม่ให้ความสำคัญกับทีมชาติ ถูกเรียกตัวก็ไม่ค่อยอยากไป ส่วนโอกาสการไปบอลโลกนั้นยังมองไม่เห็น เพราะไทยยังไม่ได้เริ่มทำอะไรแบบจริงจัง

"จากการอยู่ในไทย 3 ปี ตนไม่ได้ไปทำทีมชาติ แต่สามารถพูดได้ว่า เรื่องทีมชาตินั้น นักกีฬาไม่ค่อยถูกให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ บางทีถูกเรียกไปติดทีมชาติก็ไม่ไป แต่สำหรับญี่ปุ่น การติดทีมชาติถือเป็นเกียรติอย่างสูง ถึงแม้บาดเจ็บ ก็จะพยายามฟื้นสาพร่างกายให้กลับมาพร้อมให้มากที่สุด ตรงนี้ควรแก้ไขมากที่สุด"

"ญี่ปุ่นเป็นบอลระบบ เกมรับดี ส่วนไทยเกมบุกดี นักเตะมีพละกำลัง ความแข็งแกร่งมากกว่า ถ้าเอาข้อดี 2 ประเทศรวมกัน ไทยจะไปบอลโลกได้ แต่ถ้าจะไปบอลโลก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องมีเป้าหมายก่อน โดยที่สโมสรต้องให้ความร่วมมือ"

"ส่วนโอกาสการไปบอลโลกนั้น อยู่ที่ว่าจะเริ่มอย่างจริงจังตอนไหน ตอนนี้เหมือนยังไม่เริ่ม ถ้าตนเข้าไปทำงานตอนนี้น่าจะเริ่มได้แล้ว ดังนั้น หากเริ่มเมื่อไหร่ ถึงจะพอเดาได้ว่าจะสำเร็จเมื่อไหร่ ถ้าไม่เริ่มก็คาดเดายาก เผลอๆ ชาติอื่นจะแซงไทย" อิชิอิ ทิ้งท้าย