เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวสหราชอาณาจักร คาดว่าจะกุมอำนาจบริหารจัดการด้านฟุตบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้ถือหุ้นสโมสรแค่ 25 เปอร์เซ็นต์
แร็ตคลิฟฟ์ ซึ่งเป็นสาวก "ปิศาจแดง" ตั้งแต่วัยเยาว์ ยื่นข้อเสนอราว 1,400 ล้านปอนด์ (62,000 ล้านบาท) ในนาม "อิเนออส กรุ๊ป" เพื่อเข้าร่วมกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย
ข้อเสนอดังกล่าวจะถูกนำมาพิจารณาระหว่างการประชุมบอร์ดบริหารสัปดาห์นี้ หลัง ชีก จาสซิม ถอนตัวจากการเทกโอเวอร์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ารวม 5,000 ล้านปอนด์ (220,000 ล้านบาท)
แร็ตคลิฟฟ์ มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการเทกโอเวอร์บางส่วน ซึ่งตนคาดหวังว่าจะเป็นก้าวแรกของการกุมอำนาจบริหารอย่างเด็ดขาด
แกรี เนวิลล์ อดีตกองหลังกัปตันทีม ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของสโมสร ขณะที่กลุ่มกองเชียร์ "เรด เดวิลส์" โจมตี ตระกูลเกลเซอร์ ตัดสินใจโดยพิจารณาแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าแฟนๆ
อย่างไรก็ตาม หาก แร็ตคลิฟฟ์ กุมอำนาจดูแลด้านกีฬาแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจบั่นทอนกระแสต่อต้าน กลุ่มทุนอเมริกัน ไม่มากก็น้อย แล้วปล่อยให้ ครอบครัวเกลเซอร์ ทำหน้าที่ดูแลด้านธุรกิจ
แร็ตคลิฟฟ์ และทีมงาน ตระหนักถึงปัญหาหลายๆ ด้านของการปรับปรุง และขยายสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่กำลังทรุดโทรม ตลอดจนยกระดับผลงานบนสนาม
ปัจจุบัน แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 20 สมัย แพ้ 6 จาก 11 เกมแรก รวมทุกรายการ รั้งอันดับ 10 ของพรีเมียร์ ลีก และบ๊วยของ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ถึงแม้ เอริก เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ จ่ายเงินเสริมทัพก้อนโต ตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา
"อิเนออส กรุ๊ป" ภายใต้การบริหารของ แร็ตคลิฟฟ์ ถือหุ้นของทีมกีฬามากมายทั่วโลก รวมถึงสโมสรฟุตบอล นีซ (ลีก เอิง ฝรั่งเศส) และ โลซานน์ (ลีกสวิตเซอร์แลนด์)
ด้าน เนวิลล์คนพี่ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัพพอร์เตอร์ ทรัสต์ (MUST) เรียกร้องให้สโมสรชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 11 เดือน นับตั้งแต่ ครอบครัวเกลเซอร์ ประกาศขายกิจการ