คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ต้องขอแสดงความยินดี และแสดงความชื่นชม กับทัพกำปั้นไทย ในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ “หางโจวเกมส์” ที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ โดยแม้ทัพกำปั้นไทยจะไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้เลย แต่ยังได้มาถึง 3 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง โดยได้จากทีมกำปั้นชาย 1 เงิน คือ ธิติสรรค์ ปั้นโหมด ในรุ่น 51 กก. กับ 2 ทองแดงจาก รุชตกาญจน์ จันทร์ตรง ในรุ่น 57 กก. และ บรรจง สินสิริ ในรุ่น 63.5 กก. กับอีก 2 เงิน 2 ทองแดงจากทีมหญิง โดย 2 เงินมาจาก จุฑามาศ รักสัตย์ รุ่น 51 กก. และ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง รุ่น 66 กก. ส่วน 2 ทองแดงมาจาก ธนัญญา สมนึก รุ่น 60 กก. และ ใบสน มณีก้อน รุ่น 75 กก. นอกจากนี้ ธิติสรรค์, จุฑามาศ, จันทร์แจ่ม และธนัญญา ยังคว้าตั๋วโอลิมปิก “ปารีส 2024” จากผลงานครั้งนี้ด้วย ส่วนใบสนนั้นแม้จะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเหมือนกัน แต่รุ่น 75 กก. มีโควตาโอลิมปิกจากรายการนี้แค่ 2 ใบสำหรับคู่ชิงเท่านั้น จึงพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนประเภทชายนั้นก็ให้ตั๋วรุ่นละ 2 ใบ รุชตกาญจน์ และ บรรจง จึงชวดตั๋วไปเช่นกัน
ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่ทัพกำปั้นไทยไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้ แต่รวมแล้วที่เราได้เหรียญมา 7 เหรียญนี่มากเป็นอันดับ 2 ในบรรดาชาติที่เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ แพ้แค่จีนที่ได้มา 9 เหรียญ แต่พี่จีนเจ้าภาพนั้นฟันไปถึง 5 ทอง 2 เงิน 2 ทองแดง แต่ถ้าจัดอันดับจริงๆ ก็มีอีก 6 ชาติที่ได้เหรียญทองกันไปชาติละ 1-2 เหรียญ จึงมีอันดับเหนือกว่าเรา เราอยู่อันดับ 8 เรียกว่าจริงๆ แล้วทัพกำปั้นไทยก็ทำได้ไม่เลวจริงๆ รวมทั้งการได้โควตาไปโอลิมปิกถึง 4 รุ่นนี่ก็ถือว่าเกินความคาดหมายไปไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะแม้เราจะรู้สึกกันโดยทั่วไปว่ามวยสากลสมัครเล่นของไทยนั้นถือเป็นเบอร์ต้นๆ ของเอเชีย แต่ในระดับทวีปแบบนี้มีปี 1998 ที่เราเป็นเจ้าภาพที่เราคว้าทองในกีฬามวยสมัครเล่นมาถึง 5 เหรียญ นอกนั้นก็ได้อยู่ 1-2 เหรียญทอง ดังนั้นแม้ครั่งนี้จะไม่ได้เหรียญทองเลย แต่การได้ 3 เงิน 4 ทองแดงก็ถือว่าไม่เลว
จากนี้ไปสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการเตรียมนักมวยไว้คัดโอลิมปิกในรายการต่อๆ ไป โดยโอลิมปิก “ปารีส 2024” นี้จะมีรอบคัดเลือกให้ได้ลุ้นกันอีก 2 ครั้ง่ ครั้งแรกจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคมปีหน้า โดยมีอิตาลีเป็นเจ้าภาพ และรอบคัดเลือกโอกาสสุดท้ายนั้นประเทศไทยเราจะได้เป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนปีหน้า ถือว่าเป็นโอกาสดีทีเดียวสำหรับนักมวยไทยที่จะได้คัดโอลิมปิกในบ้านเราเอง แต่ที่สำคัญก็ต้องอยู่ที่ฝีมือและความพร้อมในการเตรียมตัวนี่แหละ อย่าลืมว่าตอนนี้มวยสากลสมัครเล่นนั้นตัดสินแบบเดียวกับมวยอาชีพแล้ว ดูที่ภาพรวมในแต่ละยก ดังนั้นต้องมีการออกหมัดให้แม่นยำ หมัดชุด ฟุตเวิร์กเข้าออก ถือว่ามีความสำคัญทั้งนั้น ทัพมวยไทยในเอเชี่ยนเกมส์คราวนี้ยังมีให้เห็นที่ออกหมัดแค่ 1-2 แล้วหยุด แบบนี้ถ้าไประดับสูงๆ ก็คงโดนล่อเป้าไปได้ไม่ถึงไหนแน่ ตอนนี้เวลายังมีขอให้ทีมสต๊าฟโค้ชช่วยกันปรับทางมวยให้กลับมาเป็นกีฬาแห่งความหวังของแฟนๆ อีกครั้งให้ได้ แฟนมวยรอตามเชียร์อยู่