“โจ ณัฐวุฒิ” ยืนยันการร้างเวทีนานนับปีไม่ใช่ปัญหา สภาพร่างกายฟิตเกินร้อย พร้อมปะทะ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” แบบไร้ซึ่งความหวั่นใจ
“โจ ณัฐวุฒิ” นักชกจากจังหวัดนครราชสีมา ดีกรีแชมป์โลก Lion Fight สองรุ่น และแชมป์โลกมวยไทย WMC ได้โอกาสกลับมาขึ้นสังเวียนในรอบ 1 ปี 2 เดือน ปะทะ “ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145 – 155 ป.) ในศึก ONE Fight Night 15 ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.66
ย้อนกลับไปในศึก ONE 159 เมื่อเดือน ก.ค.65 คือครั้งสุดท้ายที่ทุกคนเห็น “โจ” บนสังเวียน ONE โดยเป็นฝ่ายแพ้คะแนน “จามาล ยูซูพอฟ” ไปแบบสูสี ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับไฟต์ต่อไปของ “โจ” ได้ห่างหายไปจากหน้าสื่อโดยสิ้นเชิง
จนกระทั่งชื่อของ “โจ” ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง จากการโชว์ความกล้าหาญ รับเผือกร้อนเป็นมวยแทนของ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องตัดสินใจถอนตัวในไฟต์ชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต จาก “ตะวันฉาย” ชนิดที่มีเวลาเตรียมตัวขึ้นสังเวียนไม่ถึง 2 สัปดาห์ พร้อมปรับกติกาการแข่งขันมาเป็นคิกบ็อกซิ่ง แทนเพื่อความเหมาะสม
“ตอนที่ ซุปเปอร์บอน ถอนชก ผมก็มีคุยเล่น ๆ กับเพื่อนครับว่าโอกาสมันจะมาถึงเราหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไร จนเมื่อ ONE ติดต่อมาให้ผมชกกับ “ตะวันฉาย” ผมก็ขอไปปรึกษากับเพื่อนของผมก่อน ก็มองว่าเรายังมีเวลาพอ ที่จะสปีดทำร่างกายทันได้ เพราะตลอดที่ผ่านมาผมก็ซ้อมมาโดยตลอด ออกกำลังกายอยู่เสมอ ร่างกายผมก็ไม่ได้แย่ด้วย ก็เลยตอบรับโอกาสครั้งนี้ครับ”
การต้องเจอกับ “ตะวันฉาย” ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกมวยไทย ทำให้ “โจ” ที่ร้างเวทีไปนานถูกมองว่าเป็นรองนักชกรุ่นน้องฟอร์มสดอยู่พอสมควร แต่เรื่องนั้นกลับไม่สร้างความหวั่นใจให้แก่นักชกจากเมืองย่าโมรายนี้แม้แต่น้อย โดยมั่นใจในคุณภาพการซ้อมของตัวเองตลอดช่วงที่ผ่านมา พร้อมขึ้นไปทำหน้าที่สุดกำลัง เพื่อมอบความสนุกให้แก่แฟนกีฬาการต่อสู้ทั่วโลก
“จากที่หลาย ๆ คนมองว่าผมเป็นรอง ตะวันฉาย ผมไม่ได้รู้สึกอะไร นักมวยรุ่นผมไม่มีใครวิตกกังวลกันแล้วครับ เราแค่ขึ้นไปชกให้เต็มที่ก็พอ ไม่เกี่ยงว่าคู่ชกของเราจะเป็นใคร เรามองแค่ว่า เราเตรียมตัวได้ดี เรามีโอกาสชนะได้เท่านี้ก็พอ”
“ส่วนเรื่องการร้างเวทีไปนานเป็นปี มันไม่เกี่ยวเลยครับกับผลงานบนเวที เพราะมันอยู่ที่การซ้อมเท่านั้น ถ้าซ้อมดี ยังไงผลงานก็ต้องออกมาดี ส่วนไฟต์นี้ผมก็เตรียมอาวุธมาทุกอย่างครับ จะพยายามเตะต่อยเยอะ ๆ เหมือนเดิม ผมถือคติโดนก่อนเจ็บก่อน และแฟน ๆ ทั่วโลกจะได้เห็นการต่อสู้ที่สนุกตื่นเต้นแน่นอนครับ”
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และรับชมการถ่ายทอดสดทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) เริ่มคู่แรกเวลา 07.00 น. และทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) รับสัญญาณสดเวลา 10.00 น.