คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
คึกคักครึกครื้นสมใจสำหรับมวยรายการ “ราชดำเนิน เวิร์ลด์ ซีรี่ส์” หรือ RWS รายการใหญ่เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทาง Global Sport Ventures และ “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์จัดเต็มตั้งแต่คู่ก่อนเวลาจนถึงคู่ในรายการ ไฮไลท์ของรายการอยู่ที่คู่เอกซึ่งเป็นการชกแบบคิกบ๊อกซิ่งระหว่างยอดมวยระดับตำนาน K-1 อย่าง “พี่ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ขวัญใจแฟนมวยไทยวัย 41 ปี กับ ยาสุฮิโระ คิโดะ นักชกญี่ปุ่นวัย 40 ปี โดยทั้งคู่นั้นโลดแล่นอยู่ในรายการ K-1 ในช่วงเวลาไล่ๆ กัน คือราวๆ ปี 2006-2010 แต่เส้นทางมวยทั้งคู่ไม่เคยเจอกัน ทาง RWS เลยจัดให้มาพบกันในรายการนี้ โดยประกาศชัดเจนว่า “ชกจริง มีผลแพ้ชนะจริง นับรวมในสถิติการชกจริง” ซึ่งเรียกกระแสความตื่นเต้นจากแฟนมวยได้ไม่น้อยจนมีแฟนๆ เข้าชมศึกนี้กันแน่นสนาม
เสียดายที่ไฟต์นี้จบลงแบบ “แอนตี้ไคลแมกซ์” ซะอย่างนั้น โดยหลังจากยกแรก “พี่บัว” มีโอกาสทิ่มหมัดจนนักชกญี่ปุ่นก้นเตี้ย แต่เร่งไม่ขึ้นไล่ปิดเกมไม่ได้ ยกสองชกกันไปได้แป๊บเดียวทั้งคู่เกิดศีรษะชนกันจนนักชกญี่ปุ่นแตกเป็นแผลฉกรรจ์บริเวณเหนือหน้าผาก แพทย์สนามดูแผลแล้วโบกมือไม่ให้ชกต่อ ที่นี้ก็ว้าวุ่นเลยเพราะเป็นแผลแตกที่เกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่แตกเพราะพิษหมัด แล้วเลยเกิดความสับสนเล็กน้อยว่าตกลงผลการตัดสินเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะทางผู้ประกาศบนเวทีประกาศว่าการชกไฟต์นี้ผลออกมาเป็น “No Contest” คือไม่มีการตัดสิน แต่กรรมการบนเวทีชูมือให้ทั้งสองฝ่ายเป็นสัญลักษณ์ว่าเสมอกันไป รวมทั้งผู้บรรยายทางทีวีก็ประกาศว่ากรรมการตัดสินให้เสมอกันไป ทำให้แฟนมวยถกเถียงกันเป็นการใหญ่ว่าตัดสินให้เสมอกันได้ยังไง ถ้าดูคะแนนเท่าที่ชกกันมา (คือยกแรกยกเดียว) นักมวยไทยก็น่าจะคะแนนนำอยู่
คุยกันตรงนี้ก็ต้องบอกว่าการตัดสินมวยคู่นี้นั้นน่าจะเป็น “No Contest” คือไม่มีการตัดสิน เพราะการแตกนั้นเกิดจากการหัวชนกันโดยไม่เจตนา จะบอกว่าแพ้แตกก็คงไม่ได้ จะจับคนชนแพ้ฟาวล์ก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าเสมอ ก็จะดูแปลกๆ อีก เพราะเอาอะไรมาเสมอ ลองเปรียบเทียบกับวงการมวยโลก ส่วนใหญ่จะมีกติกาชัดเจนว่าถ้ามีแผลแตกจากอุบัติเหตุภายใน 4 ยกแรก การชกจะจบลงแบบ “ไม่มีการตัดสิน” แต่ถ้าเกิน 4 ยกไปแล้ว ก็จะมีการดูคะแนนจนถึงยกก่อนที่จะมีการยุติการต่อสู้ เพราะวงการมวยโลกมองว่าภายใน 4 ยกแรกบางทีนักมวยยังดูเชิง ยังจับทางกันอยู่ การเอาคะแนนมาดูน่าจะไม่ยุติธรรมกับมวยที่กำหนดชกระยะยาวถึง 12 ยก แต่ถ้าเกิน 4 ยกไปแล้ว ภาพการชกจะค่อนข้างชัดเจนแล้ว ส่วนไฟต์ “บัวขาว-คิโดะ” นี้เพิ่งชกกันมายกเดียว ก็ไม่น่าดูคะแนนยกแรก ดังนั้นผลการชก “ไม่มีการตัดสิน” ก็น่าจะถูกต้องที่สุด
งานนี้ถือเป็นบทเรียนเหมือนกันสำหรับ RWS ที่น่าจะมีการประกาศให้ชัดเจน แม้ว่าทางเพจจะลงผลว่า “ไม่มีการตัดสิน” แต่ในช่วงถ่ายทอดสดที่ออกสู่สายตาแฟนมวยส่วนใหญ่มากกว่าก็น่าจะให้ข้อมูลให้แฟนมวยให้ชัดเจน เพื่อให้แฟนมวยมีความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย เอาง่ายๆ สื่อหลายๆ เจ้ายังลงผลว่าเสมอกันอยู่เลย การไม่มีผลการตัดสินแบบนี้นักมวยทั้งคู่เลยรักษาสถิติไว้ได้ ไม่มีใครแพ้ใคร แต่จบแบบคาใจแบบนี้ เชื่อว่าทาง RWS มองแล้วลูบปากแน่นอน เพราะจัดมา “ล้างตา” กันใหม่ได้เลย ขายได้แน่นอน แฟนมวยต้องรอติดตามแน่นอน ก็คงรอสักพักให้นักมวยทั้งคู่ฟื้นฟูร่างกายก่อนแล้วรอติดตาม “ภาค 2” ของมวยคู่นี้ได้เลย