คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
แฟนซีรีส์จีน “สามก๊ก” น่าจะเคยได้ยินชื่อ เนินหงส์ร่วง อันเป็นจุดที่ บังทอง เจ้าของสมญา “หงส์ดรุณ” สิ้นลม หลังถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ ระหว่างการรบกับ เล่าเจี้ยง อาจเชื่อมโยงได้กับ ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2023/24 สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล รวมถึงตัวผมเอง ยังคงน่าเป็นห่วงตรงตำแหน่งมิดฟิลด์เบอร์ 6 (ตัวรับ) หลังปล่อย ฟาบินโญ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ไปลีกซาอุดิอาระเบีย จนถึงวันนี้ยังไม่มีตัวใหม่มาทดแทน โดยเหลือเวลาประมาณ 3 วัน ก็จะถึงเกมเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องความขี้เหนียวของ เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป (FSG) กลุ่มทุนอเมริกัน
จริงๆ ไม่ได้อยากสร้างภาพความเป็นกูรูลูกหนัง ทว่าอยากแชร์มุมมองในฐานะสาวก “เดอะ ค็อป” ต่อ FSG จากวีรบุรุษกลายเป็นผู้ร้ายของความตกต่ำ กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความวิตกว่า เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน จะอำลาเก้าอี้ ก่อนครบสัญญาปี 2026
โค้ชทุกคนอยากได้นักบอลเก่งๆ มาร่วมงาน เหมือนเราทุกคนใฝ่ฝันอยากขับขี่รถยนต์หรูๆ อย่าง ปอร์เช, เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, เฟอร์รารี, ฟอร์ด มัสแตง หรือ เทสลา แต่ข้อจำกัด คือ รายได้ ดังนั้นจึงต้องลดสเปคมาขับขี่รถญี่ปุ่นแทน เช่นเดียวกับ คล็อปป์ อยากได้ จู๊ด เบลลิงแฮม เสียเหลือเกิน แต่โทษฐานดันไปเฉิดฉายบนสังเวียน ฟุตบอลโลก เป็นเหตุให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งราคาสูงถึง 9 หลัก แถม “เดอะ เรดส์” ปล่อยมิดฟิลด์ไป 3 คน ไม่นับ 2 คนที่ไปซาอุฯ จึงต้องเลือกซื้อแบบ 2-3 ตัว 100 ล้านปอนด์ แทน 1 คน 100 ล้านปอนด์
ด้วยเหตุว่า มิดฟิลด์ที่ย้ายทีมปี 2023 รวมตลาดมกราคมที่ผ่านมา เอ็นโซ เฟร์นานเดซ กับ ดีแคลน ไรซ์ ย้ายทีมค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์ บวกกับ มอยเซส ไคเซโด อาจจะย้ายราคา 100 ล้านปอนด์ สถานการณ์ของตลาดนักเตะทำให้มิดฟิลด์บางคนราคาแพงหูฉี่ ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ซึ่งใช่ว่าจะเป็นทีมเงินถุงเงินถัง ต้องลดสเปคมาเหลือแค่ โรเมโอ ลาเวีย ดาวรุ่ง เซาแธมป์ตัน ที่อาจจะเป็นนักเตะมหัศจรรย์ 1 ซีซัน
หากใครมีโอกาสคลิกเว็บไซต์ Thisisanfield น่าจะเห็นการตีข่าวว่า ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นเมืองบอสตัน โจมตี FSG กำลังฉุด บอสตัน เรด ซ็อกซ์ แฟรนไชส์เมเจอร์ ลีก เบสบอส อันโด่งดัง ซึ่ง จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เทกโอเวอร์เมื่อปี 2002 สู่ความตกต่ำ แม้ว่าครั้งหนึ่ง FSG ถูกมองดั่งวีรบุรุษ ในฐานะผู้ถอน “คำสาปแบมบิโน” ที่หลอกหลอนแฟรนไชส์มานานกว่า 80 ปี
เรด ซ็อกซ์ คือ แฟรนไชส์ที่คว้าแชมป์ เวิลด์ ซีรีส์ 9 สมัย มากสุดอันดับ 3 ของลีก รองจาก นิว ยอร์ก แยงกีส์ 27 สมัย และ เซ็นต์ หลุยส์ คาร์ดินัลส์ 11 สมัย โดยความสำเร็จ 4 จากทั้งหมด เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของ FSG กระทั่ง บิลล์ ค็อช สังกัด เดอะ โพรวิเดนซ์ เจอร์นัล ทวีตข้อความ “เรด ซ็อกซ์ เป็นแบรนด์อันทรงอิทธิพลของกีฬาอเมริกัน พวกเขา (FSG) เปลี่ยนให้เป็นทีมเกรดต่ำ โดยเจ้าของทีมพอใจจ่ายเงินระดับกลางๆ และฝ่ายบริหารด้านเบสบอล หลีกเลี่ยงความเสี่ยง จอห์น เฮนรี กับ เชม บลูม ทำให้ทีมเล็กลง น่าเศร้าเหลือเกิน”
ดูแล้วช่างคล้ายกับสถานการณ์ของ “หงส์แดง” หากพิจารณาเรื่องจำนวนนับ ทีมเสียมิดฟิลด์ 5 คน ได้แก่ เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกตา, เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ แต่ได้คืนมาแค่ 2 คน คือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิก โซบอสซ์ไล ทำให้ขนาดทีมของ คล็อปป์ เล็กลง จึงต้องดันดาวรุ่งมาเสริม ซึ่งแฟนๆ แทบคาดหวังอะไรไม่ได้เลย และคุณภาพตัวจริงกับสำรองยิ่งห่างกันมากกว่าเดิม
ความจริงเราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า บอร์ดบริหาร, ทีมงานด้านฟุตบอล และ คล็อปป์ หารือเกี่ยวกับการทำทีมอย่างไร หรืออนุมัติงบประมาณให้ซื้อนักบอลมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าย้อนดูเหตุการณ์สัก 2-3 ปีที่ผ่านมา เราสามารถสันนิษฐานได้ว่า FSG กำลังมีปัญหาการเงิน เท่าที่ทราบสร้างศูนย์ฝึกซ้อม แอ็กซา 50 ล้านปอนด์ ปี 2020, ซื้อ เมลวูด กลับคืนราคา 13 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นศูนย์ฝึกซ้อมของทีมหญิง กระทั่งล่าสุดต่อเติมอัฒจันทร์ แอนฟิลด์ อีก 80 ล้านปอนด์
นับตั้งแต่ยุคโควิด ลิเวอร์พูล ใช้นักบอลชุดเดิมๆ จนหลายคนหมดสภาพ และขายไม่ได้ราคา เคราะห์ดีว่า สโมสรลีกซาอุอาระเบีย ควักเงินซื้อ ฟาบินโญ กับ เฮนเดอร์สัน ราคารวมกัน 52 ล้านปอนด์ จึงพอมีรายรับเข้ามาบ้าง แต่คงไม่เพียงพอสำหรับเติมนักบอลทดแทนส่วนที่ขาด ถ้า ลิเวอร์พูล ปิดตลาดซัมเมอร์นี้ ด้วยการเซ็น ลาเวีย รายที่ 3 แน่นอนว่า พวกเขาจะมีปัญหาด้านขนาดทีม เพราะจำนวนย้ายออกและเข้าไม่สมดุล
ทั้งหมดตีความได้ว่า ลิเวอร์พูล จะเจอช่วงเวลายากลำบาก ยิ่งสาวก “เดอะ ค็อป” เห็นคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี หรือ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปิดตัวนักเตะใหม่กันโครมๆ สถานการณ์ชิงท็อป 4 ยิ่งน่าเป็นห่วงเหลือเกิน และสิ่งเดียวที่ทำได้ คือ สวดมนต์ภาวนาให้ คล็อปป์ อย่าถอดใจ