คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
หลังจากคว้าแชมป์โลก ฟุตบอลหญิง 2 สมัยติดต่อกัน สหรัฐอเมริกา เปรียบดั่งดวงดาวที่ร่วงลงสู่พื้นดิน ปี 2023 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ กองเชียร์ สหรัฐอเมริกา หัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ตลอดเกมเสมอ โปรตุเกส อันแสนตึงเครียด 0-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 ส.ค.) รอดพ้นการตกรอบแรกแบบเส้นยาแดงผ่า 64 ซึ่งนักเตะสาว "ฝอยทอง" โชคร้ายที่ไม่สามารถส่งลูกหนังซุกก้นตาข่าย โอกาสใกล้เคียงสุด คือ นาที 90+1 อนา คาเปตา ยิงชนโคนเสาแรกแบบเต็มใบ
สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการยกย่องว่า มหาอำนาจฟุตบอลหญิง จบรอบแบ่งกลุ่ม สถิติ ชนะ 1 เสมอ 2 มี 5 แต้ม รั้งอันดับ 2 ของสาย E นับเป็นผลงานแย่สุดในประวัติศาสตร์ "ฟีฟา วีเมนส์ เวิลด์ คัพ" ของทีม และไม่เคยมีทีมใดหลุดรอดมาจนถึงตำแหน่งแชมป์ ด้วยคะแนนรอบแบ่งกลุ่มต่ำเท่านี้มาก่อน
อเล็กซ์ มอร์แกน ศูนย์หน้าความหวัง สูญเสียความเฉียบขาด คือ สาเหตุหลักของผลงานอันน่าผิดหวัง เทียบกับปี 2019 สหรัฐฯ เจาะตาข่าย 18 ประตู ตลอด 3 เกมรอบแบ่งกลุ่ม รวมแมตช์ถล่ม ทีมชาติไทย ขาดลอย 13-0 พอถึงปี 2023 พวกเธอยิงได้แค่ 4 ประตู และผลเสมอ โปรตุเกส 0-0 กลายเป็นครั้งแรกซึ่ง แชมป์โลก 4 สมัย ยิงประตูไม่ได้ เฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโลก 1 เกม ตั้งแต่ปี 2015
นอกจากนี้ยังเป็น ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 2 ซึ่ง สหรัฐฯ ไม่ได้จบด้วยแชมป์กลุ่ม ต่อจากปี 2011 แต่ครั้งนั้นพวกเธอทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ แล้วแพ้ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 1-3 (ครบ 120 นาที เสมอกัน 2-2) และนับเป็นครั้งแรกที่ทีมชนะรอบแบ่งกลุ่มน้อยกว่า 2 เกม ตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ครั้งแรก ปี 1991
ก่อนถึงวันอังคารที่ 1 ส.ค. สถิติแบบ เฮด-ทู-เฮด ระบุ สหรัฐอเมริกา เคยถล่ม โปรตุเกส มากสุด 10-0 ยิงรวมกัน 39 ลูก โดยไม่เสียประตู เห็นได้ชัดว่าการเสมอ 0-0 คือ ผลการแข่งขันอันน่าตกใจ แต่น่าจะถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายมากกว่านี้ หาก สหรัฐฯ จอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม
ด้านขุมกำลัง สหรัฐอเมริกา เดินทางมาแข่งขันด้วยความมุ่งมั่นคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน ซึ่งยังไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อนระดับชาติทั้งฟุตบอลชายหรือหญิง แต่นักเตะชุดนี้ไม่ได้มีความน่าเกรงขามเหมือนยุครุ่งเรือง เริ่มตั้งแต่ โอลิมปิก ปี 2021 ที่กรุงโตเกียว แพ้ สวีเดน แบบเหลือเชื่อ 0-3 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ตามด้วย แคนาดา 0-1 รอบรองชนะเลิศ แล้วซิวเหรียญทองแดงปลอบใจ
ถัดมาเดือนตุลาคม 2022 ทีมของ วลัตโก อันโดนอฟสกี ปราชัย 2 แมตช์กระชับมิตรติดต่อกันแก่ อังกฤษ และ สเปน ถึงแม้ไม่ใช่การแข่งขันแบบจริงจัง แต่นับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
แม้ว่ายังมี 2 นักเตะที่ผ่านความสำเร็จอย่าง เมแกน ราปิโน กับ มอร์แกน หลงเหลืออยู่ ทว่า อันโดนอฟสกี เล็งเห็นว่าถึงเวลาต้องผลัดใบ โดยมี 14 ผู้เล่นที่เพิ่งเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก จึงส่งผลกระทบต่อฟอร์มของทีม รวมถึงปัญหาขาดแคลนผู้เล่นประสบการณ์เนื่องจากอาการบาดเจ็บอย่าง มัลลอรี สวอนสัน, คริสเตียน เพรสส์, ทอบิน ฮีธ 3 กองหน้า, แซม มิวอิส กับ แคทารินา มาคาริโอ 2 มิดฟิลด์ และ เบ็คกี เซาเออร์บรุนน์ กับ แอ็บบี ดาห์ลเคมเปอร์ 2 ปราการหลัง
ศัตรูตัวฉกาจของทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในกีฬาอาชีพ คือ แรงจูงใจที่ลดลง ดังประโยคอมตะที่กล่าว "คว้าแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การป้องกันแชมป์คือสิ่งที่ยากกว่า" บ่งชี้ให้เห็นว่านักกีฬาหรือทีมกีฬาจะต้องทำงานหนักขึ้น เพิ่มแรงผลักดันและแพสชันอยู่ตลอดเวลา เพื่อยืนอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารตราบนานเท่านาน บวกกับฟุตบอลโลกเป็นมหกรรมกีฬาแบบ 4 ปีครั้ง หากทีมๆ ใดต้องการสร้างประวัติศาสตร์ "ทรี-พีต" คุณจะต้องรักษามาตรฐานและยกระดับขึ้นตลอด 12 ปี
แม้ว่า สหรัฐ จะอยู่บนเส้นทาง แชมป์โลก 3 สมัยติดต่อกัน แต่เราเห็นแล้วว่า 2 ตัวหลักที่กำลังโรยรา ราปิโน กับ มอร์แกน แบกทีมไม่ไหว เมื่อองค์ประกอบทีมไม่ดีพอ สหรัฐฯ จึงดิ้นรนเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย อย่าลืมเสียว่ารอบแบ่งกลุ่ม คุณยังมีโอกาสแก้ตัว และการแข่งแบบน็อกเอาท์ มันไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเกินกว่า 90 หรือ 120 นาที