คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ถือเป็นข่าวใหญ่ที่ช็อกแฟนมวยเลยทีเดียว เมื่อ “วัน แชมเปี้ยนชิป” ประกาศ “ปลด” เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส ยอดมวยจอมเก๋าชาวไทยวัย 37 ปี ออกจากตำแหน่งแชมป์โลกคิกบ๊อกซิ่งในรุ่นแบนตั้มเวท หลังทำการ “สุ่ม” ตรวจโด๊ปเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และผลออกมาทางเพชรทนงมีสารต้องห้าม Methenolone และ Boldenone ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Anabolic Steroid มีผลในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ ซึ่งถือเป็นสารกระตุ้นที่ห้ามใช้ในกีฬาทุกประเภทก็ว่าได้ ทำให้ “วัน เอฟซี” ลงดาบทันทีปลดออกจากตำแหน่ง และ “แบน” ห้ามขึ้นชกในรายการ 1 ปีนับจากวันที่ทำการตรวจพบสารดังกล่าว คือวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นต้นไป ทั้งนี้ (อดีต) แชมป์ชาวไทยยังมีสิทธิ์ในการอุทธรณ์ได้
พอข่าวนี้ออกมา ทางเพชรทนง ก็โพสต์แสดงความบริสุทธิ์ใจทันที รวมทั้งตั้งโต๊ะแถลงใน่เวลาต่อมาทั้งน้ำตา รวมความคือใช้สารกลุ่มไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม โดยตอนที่ได้แชมป์มานั้นก็ตรวจโด๊ปผ่านทุกอย่าง จากนั้นไม่มีรายการมาเลยร่วม 8 เดือนมาแล้ว พอซ้อมแล้วมีอาการบาดเจ็บ ก็เลยไปหาหมอ พยายามรักษาทุกวิถีทาง จนสุดท้ายทางแพทย์เป็นคนฉีดสารเหล่านี้ให้ ไม่ได้ตั้งใจใช้ ไม่ได้เป็นคนบอกให้หมอฉีด แล้วก็ยังไม่มีรายการในระยะอันใกล้นี้ ไม่น่าจะลงโทษกันรุนแรงขนาดนี้เลย และบอกว่าไม่ทราบเงื่อนไขนี้ของ “วัน เอฟซี” มาก่อน ว่าตอนไม่มีรายการก็ไม่สามารถมีสารกลุ่มนี้ในร่างกายได้ รวมทั้งปิดท้ายว่าอยากจะอุทธรณ์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะอุทธรณ์ที่ไหน
ทางด้าน “วัน เอฟซี” โดย “เสี่ยเปรม” อริยะวัฎ บุษราบวรวงษ์ กรรมการผู้จัดการ วัน เอฟซี ประเทศไทย และ “ปลาย” จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน เอฟซี ประเทศไทย ก็ตั้งโต๊ะชี้แจงทันทีว่า เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะการสุ่มตรวจนอกรายการชก การห้ามมีสารกระตุ้นในร่างกายตลอดเวลา ไม่เฉพาะเวลามีรายการ มีระบุในสัญญา และมีการชี้แจงให้นักกีฬาได้รับทราบแล้ว สารเหล่านี้ไม่มีผลในการรักษา มักใช้เป็นสารกระตุ้นมากกว่า ดังนั้น “วัน เอฟซี” จึงต้องมีมาตรการอย่างเด็ดขาด เพื่อรักษามาตรฐานของรายการไว้
งานนี้ว่าไปแล้วมุมหนึ่งก็เห็นใจนักมวยไทย ถ้าเราจะเชื่อไว้ก่อนว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะใช้สารกระตุ้นจริงๆ ซึ่งว่าไปก็น่าเชื่อ เพราะเป็นช่วงที่ยังไม่มีโปรแกรม แต่อีกมุมหนึ่งก็เข้าใจทาง “วัน เอฟซี” ที่ต้องรักษามาตรฐานเอาไว้ ต้องถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่นักกีฬาไทยทุกคนจะต้องถอดบทเรียนไปใช้ คือ ต้องทำความเข้าใจเงื่อนไข กติกา ต่างๆ ให้ชัดแจ้ง ที่ผ่านมานักมวยไทยอาจจะเซ็นสัญญากันด้วยความเชื่อใจ ด้วยความสำนึกในบุญคุณ หรืออะไรก็ตาม งานนี้แม้จะโต้แย้งเงื่อนไขในสัญญาไม่ได้ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจให้ดี การจะไปหาหมอให้รักษาอะไร ก็ต้องทำความเข้าใจกับวิธีการของหมอให้ชัดเจน ทางหมอเขาก็มุ่งรักษา ไม่ได้มารู้เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้กับเราด้วย เป็นความรับผิดชอบของนักก๊ฬาเองที่จะต้องระวังว่าจะรับสารอะไรเข้าสู่ร่างกาย ในส่วนของเพชรทนงนั้น ตอนนี้ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจไปแล้ว ก็ต้องก้มหน้ารับโทษไปอย่างแมนๆ จะไม่ตั้งใจ จะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออะไร ก็ต้องรับโทษไป รวมทั้งก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมต่อไปรอเวลากลับมาทวงบัลลังก์กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ยอมรับว่านักชกไทยรายนี้ก็เข้าช่วงปลายของอาชีพแล้ว แต่เชื่อว่าถ้าดูแลตัวเองให้ดีๆ รอ 1 ปีให้พันโทษ ยังกลับมาได้อีกปีสองปีแน่ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ