xs
xsm
sm
md
lg

กลิ่นแก่...แก้ยังไง? / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”

วันนี้คุณชูสง่ามาแปลก สร้างความประหลาดใจอย่างมากให้กับลูกก๊วน คือเฮียแกปรากฏกายมาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมคุ้งอย่างที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ “เกิดอะไรขึ้นครับเฮีย?” เจ้าเก่งกับพี่หมอถามขึ้นเกือบจะพร้อมกันอ”อ๋อ...พอดีน้องมายด์มันบ่นว่าได้กลิ่นแก่ของเฮีย..เลยต้องหาน้ำหอมมกลบกลิ่นหน่อย นี่ขนาดเฮียฉีดมาจึ๊กเดียวนะ ไม่นึกว่ากลิ่นมันจะแรงขนาดนี้” “น้ำหอมยี่ห้ออะไรครับ ฉุนสะบัดเลย!” เจ้าอ้วนวิจารณ์อย่างลืมตัว เฮียมองมันอย่างเคืองๆ “ออดิโคโลญจน์-4711 ของแท้จากเมืองโคโลญจน์ เยอรมัน เลยนะโว้ย...เฮียเคยใช้ตั้งแต่จีบกับซ้อตอนหนุ่มๆ ซ้อชอบกลิ่นนี้ เลยเอามาดับกลิ่นแก่” เฮียตอบแล้วหันไปถามน้องมายด์ แคดดี้คู่ใจ “หอมไม๊?” “หอมจ้า กลิ่นโบราณดี มานด์ชอบ” “กลิ่นแก่เป็นยังไงอ่ะพี่หมอ?” เจ้าเก่งสงสัย

กลิ่นแก่ หรือกลิ่นคนแก่ เป็นกลิ่นอ่อนๆติดตัวผู้ใหญ่ที่คนใกล้ชิดคงเคยได้กลิ่นกันมาบ้าง จะว่าเหม็นก็ไม่ใช่ จะว่าหอมก็ไม่เชิง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันถึงสาเหตุที่มาของกลิ่นแก่ พร้อมวิธีป้องกันเมื่อถึงวันที่กลิ่นนั้นกลายเป็นของเรา

-รู้จักกลิ่นคนแก่

กลิ่นแก่ หรือกลิ่นผู้สูงวัย (Aging odor) ไม่ได้เกิดจากความสกปรกแต่อย่างใด แต่เป็นกลิ่นตัวเฉพาะของผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเกิดจากปฏิกิริยาของเหงื่อและไขมันที่เกิดจากต่อมเหงื่อและต่อมไขมันกับแบคทีเรีย ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นแต่ละแบบแตกต่างกันออกไป เมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการดังกล่าวจะสะสมเกิดสารที่มีชื่อว่า Nonenal ขึ้น ซึ่งเป็นตัวหลักที่ปล่อยกลิ่นแก่ออกมา ยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะมีกลิ่นนี้มากขึ้นด้วย โดยสารนี้มีคุณสมบัติไปละลายน้ำหรือไขมันจึงทำให้กลิ่นนี้ติดทน เพราะการอาบน้ำก็ไม่ช่วยให้กลิ่นนี้หายไป และยังติดไปกับเสื้อผ้าผู้สูงอายุด้วย

-วิธีป้องกันการเกิดกลิ่นแก่

1.เช็ดเหงื่อบ่อยๆ อย่างที่รู้กันว่ากลิ่นนี้เกิดจากการผสมกันระหว่างเหงื่อ ไขมัน และแบคทีเรีย ดังนั้นการเช็ดเหงื่อบ่อยๆหรือทำให้เหงื่อออกน้อย จึงตัดวงจรไม่ให้เกิดกลิ่นแก่

2.การออกกำลังกาย อาจเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับที่แนะนำไปก่อน เพราะวิธีนี้เป็นการสนับสนุนให้ร่างกายขับเหงื่อออกมากกว่าเดิม แต่เป็นเฉพาะเวลา โดยการออกกำลังกายจะทำให้ต่อมเหงื่อขยาย และขับของเสียออกไป ลดสาเหตุของการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก

3.อาบน้ำร้อน คงจะจริงกับวลีที่ว่าคนแก่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน และดูท่าจะต้องอาบต่อไป หากไม่อยากให้เกิดสิ่งที่ว่าเพราะการอาบน้ำร้อนจะช่วยให้รูขุมขนขยาย พาเหงื่อและสิ่งสกปรกไหลไปพร้อมกับน้ำ รวมถึงสมัยนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นสว. โดยบริเวณที่ควรล้างทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันก็คือ บริเวณที่มีต่อมผลิตไขมันมากๆ เช่น บริเวณหลังหู หลังคอ หน้าอก และหลัง ที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย การอาบน้ำจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

4.งดสูบบุหรี่ บุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มสารอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้แย่ลง ส่งผลให้เกิดการสะสมของเสียในร่างกาย ทำให้ต่อมเหงื่อตามผิวหนังต้องขับออกมา เพิ่มกลิ่นเหม็นมากกว่าเดิม

5.งดเนื้อสัตว์และไขมัน ไขมันในเนื้อสัตว์จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันขับความมันส่วนเกินออกมามากขึ้น 1ใน3 จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงทุกประเภทเพื่อลดการเกิดกลิ่น และดีต่อสุขภาพร่างกายด้วย

โดยปกติแล้ว มีผลการวิจัยพบว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะปล่อยกลิ่นออกมาตามช่วงวัย หรือสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือคู่รัก การมีกล่นแก่จึงไม่ได้เป็นผลเสียร้ายแรง หรือน่ารังเกียจมากแต่อย่างใด แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ลองปรับตามวิธีดังกล่าวเพื่อลดกลิ่นดูได้ครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น