โกเมธ สุขประเสริฐ นักปั่นบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิ่งมือหนึ่งของไทยผงาดแชมป์เอเชียได้เป็นสมัยที่ 2 ในศึกจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่ฟิลิปปินส์ เมื่อ 16 ก.ค.66 พร้อมคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส โดยอัตโนมัติ ในโควตาแชมป์ทวีปเอเชีย สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักปั่นบีเอ็มเอ็กซ์ชายคนแรกของไทยที่ได้ไปโอลิมปิก ด้านศึกสองล้อประเภทลู่ ชิงแชมป์ประเทศไทยฯ สนามที่ 3 “ชนิภรณ์ บัตริยะ” นักปั่นสาวทีมชาติไทยจากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ทำผลงานเจ๋ง เร่งสปีดไล่ทัน “จุฑาธิป มณีพันธุ์” นักปั่นรุ่นพี่ คว้าแชมป์เปอร์ซูต 3 กม. พร้อมทั้งได้แชมป์พอยต์เรซ รุ่นประชาชนหญิงไปครอง ขณะที่การถ่ายทอสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ Thaicycling Association มียอดผู้ชมรวมกว่า 11,000 วิว และมีผู้ชมจากเพื่อนบ้านในอาเซียนร่วมรับชมด้วย
ล“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก “โค้ชบอส” นายอัถร ไชยมาโย ผู้ฝึกสอนจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ทีมชาติไทย ถึงการแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่เมืองตาเกตัย ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทุกรุ่น โดยไฮไลท์อยู่ที่รุ่นประชาชนชาย และประชาชนหญิง ซึ่งผู้ที่ได้แชมป์ในรายการนี้จะได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยอัตโนมัติ ในโควตาแชมป์ทวีปเอเชีย
ลพลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับรุ่นประชาชนชาย สมาคมกีฬาจักรยานฯ ส่ง “เอ้” ส.ต.โกเมธ สุขประเสริฐ นักปั่นทีมชาติไทย แชมป์เก่าเมื่อปี 2022 ลงชิงชัยเพียงคนเดียว โดยการแข่งขันในรอบแรกมีนักกีฬาจากทวีปเอเชียทั้งหมด 17 คน ต้องแบ่งออกเป็น 3 ฮีต แต่ละฮีตทำการแข่งขันกัน 3 โมโต แล้วคัดเอานักกีฬาที่ได้อันดับ 1-4 ของแต่ละฮีตเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ฮีต มีนักกีฬาฮีตละ 6 คน จากนั้นคัดเอานักกีฬาที่ได้อันดับ 1-4 ของทั้ง 2 ฮีต เข้าไปชิงชนะเลิศรวม 8 คน ผลปรากฏว่า ในรอบแรก โกเมธ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ทั้ง 3 โมโต ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแบบสบาย ๆ
“อย่างไรก็ตาม จากผลในรอบแรกแต่ละโมโต ปรากฏว่าเวลาของ อาซูมะ นากาอิ นักกีฬาตัวเก่งทีมชาติญี่ปุ่นทำเวลาอยู่ที่ 33 วินาทีเศษ ดีกว่าเวลาของโกเมธทั้ง 3 โมโต ทำให้สตาฟ์โค้ชของไทยซึ่งที่อยู่ประเทศฟิลิปปินส์และทีมงานที่ลุ้นอยู่ในเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อเกิดความหนักใจและต้องหาวิธีแก้เกมอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป้าหมายหลักก็คือการคว้าเหรียญทองเพื่อโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ให้ได้ ซึ่งผลรอบรองชนะเลิศ โกเมธต้องมาเจอกับ นากาอิ อีกครั้ง และผลปรากฏว่าโกเมธเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่าง นากาอิ ที่เป็นคู่แข่งสำคัญไปแบบหายห่วง” พลเอกเดชา กล่าว
“เสธ.หมึก” กล่าวอีกว่า ในรอบชิงชนะเลิศ ได้โทรศัพท์ไปให้กำลังใจโกเมธและทีมงานผู้ฝึกสอน และย้ำให้ระมัดระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากสภาพสนามเปียกลื่นจากฝนที่ตกลงมาเกือบทุกวัน อีกทั้งทัศนวิสัยไม่ดีเพราะมีหมอกลงจัด ผลปรากฏว่า โกเมธที่เลือกออกสตาร์ตจากเลน 8 ทะยานออกตัวเบียดนำตั้งแต่ทางตรงแรกและนำขาดไปจนเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์เอเชียสมัยที่ 2 พร้อมโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 มาครองด้วยเวลา 32.56 วินาที สร้างประวัติศาสตร์เป้นนักปั่นบีเอ็มเอ็กซ์ชายคนแรกของไทยที่ได้ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ส่วนอันดับ 2 ริโอ อักบาร์ จากอินโดนีเซีย เวลา 32.57 วินาที และอันดับ 3 ฟาซยา อาซามา ริฟกี จากอินโดนีเซียเช่นกัน เวลา 33.52 วินาที ขณะที่ อาซูมะ นากาอิ ซึ่งไล่ตามโกเมธมาติด ๆ ตั้งแต่ออกสตาร์ต แต่ไปเสียจังหวะควบคุมรถไม่อยู่ตอนเข้าโค้งที่ 3 ต้องเบรกเพื่อไม่ให้รถหลุดโค้ง ทำให้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 5
พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันบีเอ็มเอ็กซ์ชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้นักกีฬาไทยมีอุปสรรคตั้งแต่เดินทางไปถึง เพราะประเทศฟิลิปปินส์อยู่ในช่วงพายุดีเปรสชั่นเข้าพอดี มีฝนตกหนักและหมอกลงจัดทุกวัน สิ่งที่หวั่นใจคือโกเมธจะเกิดอุบัติเหตุ เพราะถ้าหากล้มสัก 1 โมโต โอกาสที่จะได้แชมป์ยากแน่นอน นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งสำคัญจากญี่ปุ่นอีก แต่โกเมธก็ทำสำเร็จคว้าแชมป์มาครอง ส่วนรุ่นประชาชนหญิงนักกีฬาไทยไม่เข้ารอบ ซึ่งคงต้องปรับปรุงอีกเยอะ ประการสำคัญคือสภาพร่างกายของนักปั่นไทยอย่าง “ฟ้า” ส.ต.หญิง ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร ยังสู้คู่แข่งไม่ได้ เพราะตัวเล็กเกินไป แต่โชคดีที่มีนักปั่นรุ่นอายุเกิน 23 ปีหญิง ทั้ง น.ส.เขมิกา ศรีโสภา และ น.ส.หทัยเพชร ใจสว่าง ซึ่งทำผลงานดีได้อันดับ 2 และ 3 รวมถึงนักปั่นเยาวชนชาย-หญิงก็ได้เหรียญรางวัลเช่นเดียวกัน
นายกสองล้อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโกเมธ สมาคมฯ ส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวลาหลายเดือน มีการเสริมทักษะเรื่องการออกตัว การเล่นเวตเทรนนิ่ง พร้อมทั้งตระเวนแข่งขันรายการต่างในทวีปยุโรป ทำให้สภาพร่างกายมีความแข็งแกร่งแตกต่างจากก่อนไปอยู่ศูนย์ฝึกฯ อย่างเห็นได้ชัด หลังจากนี้โกเมธก็จะต้องไปแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกและรายการต่าง ๆ ที่สตาฟฟ์โค้ชของศูนย์ฝึกฯ วางโปรแกรมเอาไว้ รวมทั้งการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม แม้ว่าโกเมธจะได้โควตาไป “ปารีสเกมส์” แล้ว แต่ก็ต้องไปแข่งขันรายการต่าง ๆ เพื่อศึกษาฟอร์มคู่แข่งจากทวีปยุโรป และทวีปอื่น ๆ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงก่อนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024
“การที่สมาคมฯ ส่งโกเมธไปฝึกซ้อมอยู่ที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมาคมฯ ได้จัดหางบประมาณมาเองทั้งสิ้น เนื่องจากเบิกงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่ได้ เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด แต่การทำงานของผมต้องกล้าเสี่ยง และจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ สุดท้ายมันก็ได้ผลตามเป้าหมาย ซึ่งก็ดีใจกับโกเมธและทีมงานทุกคน ขอบคุณโค้ชอัถร ไชยมาโย หัวหน้าผู้ฝึกสอน, มร.ฮาร์วี่ เครป มร.ฮาร